นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์  พร้อมคณะรวม 3 คน  เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ผ่าน นายพันศักดิ์ เจริญ ผอ.ส่วนประสานมวลชนและองค์กรประชาชน จำนวน 2 เรื่อง คือ

เรื่อง ขอคัดค้านการขึ้นภาษี VAT 7% เป็น 8% ซึ่งหากมีการใช้อำนาจพิเศษที่มีอยู่ขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม7% เป็น 8% ก็จะยิ่งทวีคูณความทุกข์ยากให้กับพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ และที่ผ่านมาประชาชนได้เห็นการบริหารงานงบประมาณแผ่นดินแล้วว่า มีการเพิ่มงบประมาณให้กระทรวงกลาโหมนับแสนล้านบาท จัดซื้อเรือดำน้ำ 35,000 ล้านบาท โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านของพี่น้องประชาชน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และแม่น้ำ 5 สาย รับเงินเดือน 2-3 ทาง เหล่านี้เป็นต้น ทำให้ประชาชนเห็นว่ามิได้ประหยัดเงินภาษีอากรของพี่น้องประชาชนเท่าที่ควร ซึ่งในรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่สามารถกระทำได้ จึงใคร่ขอความกรุณาเพื่อได้โปรดทบทวนแนวคิดดังกล่าว

ส่วนอีกเรื่อง คือการตรวจพบข้าวสารในโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เน่าคาโกดังจำนวน 500,000 กระสอบ ที่ อ.บางกล่ำ จ.สงขลา เพื่อขอให้นายกรัฐมนตรีแก้ไขปัญหาโดยเร่งด่วน และสอบสวนลงโทษข้าราชการที่เกี่ยวข้อง และให้กันข้าราชการชั้นผู้น้อยไว้เป็นพยาน
ด้วยปรากฏว่าได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่ามีข้าวสารในโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์เน่าเหม็นค่าโกดัง ที่ อ.บางกล่ำจ.สงขลา จึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่โกดังดังกล่าวด้วยตนเองเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2560 พบว่าเป็นความจริง ปรากฏรายละเอียดโดยย่อดังนี้

1. ข้าวทั้งสองสัญญาเกิดขึ้นในสมัยนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยนายชนุตร์ปกรณ์ วงศ์สีนิล รองผอ.อคสรักษาการแทน ผอ.อคส. เป็นผู้เช่ากับนายสมคิด คงแก้วขาว เป็นผู้ให้เช่าเพื่อเก็บรักษาข้าวของ อคส. จำนวน 500,000 กระสอบ น้ำหนัก 50,000 ตัน ราคาตันละ 1,500 บาท รวมเป็นมูลค่าข้าวสาร 750 ล้านบาท โดยตกลงคิดค่าเช่าเป็นรายกระสอบ ซึ่งนายสมคิด คงแก้วขาว ให้เช่าโดยที่ไม่มีโกดังเป็นของตนเอง ให้คิดค่าเช่าจาก อคส. เดือนละ 1 ล้านบาท

2. ข้าวทั้งหมดถูกนำไปเก็บที่โกดังของบริษัท เจ อาร์ ดี ไบร์มอเตอร์จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทของผู้ประกอบการชาวมาเลเซีย ตั้งอยู่ที่ อ.บางกล่ำจ.สงขลา โดยบริษัทได้รับค่าเช่าเก็บข้าวเดือนละ 5 แสนบาท และนายสมคิดฯ ไม่ได้ชำระค่าเช่าโกดังตั้งแต่เดือนเมษายน 2559 เป็นเหตุให้บริษัทฟ้องขับไล่ พร้อมขนย้ายทรัพย์สินออกจากโกดังเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2560

3. ทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางกล่ำ จ.สงขลา ได้ทำหนังสือลงวันที่ 21 สิงหาคม 2560 เป็นฉบับที่ 4 ถึงผอ.อคส. เพื่อให้ อคส.ส่งรายชื่อเกษตรกรและบัญชีรายชื่อโรงสีข้าวที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าว ปรากฏว่า อคส.ไม่ให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวน และไม่ส่งเอกสารให้

4. ได้เดินทางไปตรวจสอบโกดังดังกล่าวเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2560 เวลา 10.00 น.พบว่ามีหมายของเจ้าพนักงานบังคับคดีติดอยู่หน้าโกดังและมีกองข้าวเน่าทะลักออกมานอกโกดัง ส่งกลิ่นเหม็นจึงเก็บตัวอย่างข้าวเน่า และตัวมอดขนาดยักษ์ มาด้วย

5. สรุปว่าข้าวสารในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทั้งสองสัญญานี้ส่อทุจริต ทำให้รัฐเสียหายอย่างร้ายแรง ซึ่งขอให้สอบสวนลงโทษข้าราชการที่เกี่ยวข้อง โดยขอให้กันข้าราชการชั้นผู้น้อยไว้เป็นพยานต่อไป

6. เมื่อเจ้าพนักงานติดหมายขับไล่ รัฐบาลในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดของ อคส.ควรปฏิบัติตามคำสั่งศาลอย่างรวดเร็วตามรัฐธรรมนูญ และให้คณะกรรมการระบายข้าวรีบขายข้าวกองนี้ให้เอกชน เพื่อที่จะได้เงินชดเชยกลับมาเข้ารัฐ ตามสภาพที่ควรจะเป็น จากมูลค่าความเสียหาย 750 ล้านบาท ไม่นับรวมค่าเช่าโกดัง

7. ให้สอบสวน นายชนุตร์ปกรณ์ วงศ์สีนิล อดีต อคส. ว่าฝ่ายการเมืองผู้ใดเป็นคนสั่งการให้ อคส. ทำสัญญากับบุคคลที่ไม่ใช่เป็นเจ้าของโกดัง