นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า ตามกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดคุณสมบัติและการฝึกอบรมผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2558 ได้ประกาศลงราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคม 2559 เกี่ยวกับเรื่องการประกาศของกรมธุรกิจพลังงานในการกําหนดหลักเกณฑ์ แบบคําขอ แบบใบรับรอง แบบบัตรประจําตัว ของผู้ประกอบกิจการปั้มน้ำมันต้องดำเนินการให้มีผู้ปฏิบัติงานที่ผ่านการฝึกอบรมตามกฎหมายกำหนด อย่างน้อย 2 ใบใน 1 ปั้ม ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 7 มิถุนายน 2561เพื่อพัฒนามาตรฐานความปลอดภัยของสถานประกอบการน้ำมันเชื้อเพลิงทุกประเภท
กฎหมายดังกล่าวได้กำหนดระยะเวลาให้ผู้ประกอบการน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการ ต้องส่งพนักงานเข้ารับการอบรมภายใน 2 ปีนับจากวันประกาศกรมธุรกิจพลังงานมีผลบังคับใช้ หากพ้นกำหนด ผู้ประกอบการมีโทษตามกฎหมาย มาตรา 66 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2542 จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเมื่อถึงวาระการต่ออายุใบอนุญาต หากไม่มีผู้ปฏิบัติงานจะไม่ได้รับการต่ออายุใบอนุญาต ต้องขออนุญาตใหม่
"ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการให้ความร่วมมือในการส่งพนักงานมาฝึกอบรมและได้รับบัตรประจำตัวผู้ปฎิบัติงาน เพียง 1ใน4 ของจำนวนพนักงานที่อยู่ในข่ายที่ต้องปฎิบัติตามกฎหมาย หรือประมาณ50,000คนเท่านั้น จากปัจจุบัน มีจำนวนปั๊มน้ำมันอยู่ในข่ายที่จะต้องปฎิบัติตามกฏหมาย จำนวน 26,988 แห่ง ปั๊มแก๊สแอลพีจี 2,071แห่งและปั๊มเอ็นจีวี 462 แห่ง"
สำหรับกฎหมายฉบับนี้ จะทำให้ธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิง มีการพัฒนามาตรฐานด้านความปลอดภัยตั้งแต่การจัดเก็บ การขนส่งและการให้บริการกับผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น และเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทยต่อนักธุรกิจ และนักลงทุนจากต่างประเทศ ในการสร้างมาตรฐานความปลอดภัยด้านพลังงานให้กับผู้ปฏิบัติงาน และผู้ใช้บริการ