เมื่อวันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม 2560 เวลา 9.30 น. นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และคณะเข้าหารือร่วมกับ นายธีรกุล นิยม รองอธิการบดีสถาบันอาศรมศิลป์ ดร.อัญญมณี บุญซื่อ ผู้อำนวยการหลักสูตรศึกษาศาสตรบัณฑิต และคณะผู้บริหารสถาบันอาศรมศิลป์ และโรงเรียนรุ่งอรุณ ในการออกแบบในการพัฒนาเพื่อยกระดับการจัดการศึกษาในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อผสมผสานภูมิปัญญา วัฒนธรรมในการจัดการเรียนการสอน และการจัดสภาพแวดล้อมของสถานศึกษาและพัฒนาศูนย์พัฒนาเด็กเล็กขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มีคุณภาพ เป็นที่เชื่อมั่นของผู้ปกครอง
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กล่าวว่า “การศึกษา” เป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาประเทศ เนื่องจาก ประเทศจำเป็นจะต้องอาศัยกำลังคนเป็นสำคัญ และกำลังคนที่ร่วมกันพัฒนาประเทศจะมีประสิทธิภาพ หรือมีศักยภาพเพียงใด ขึ้นอยู่กับมาตรฐานและคุณภาพในการจัดการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดการศึกษาในระดับการศึกษาขึ้นพื้นฐาน ซึ่งกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น มีความต้องการให้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีการจัดการเรียนการสอนและกิจกรรมที่มีมาตรฐาน มีคุณภาพ มุ่งหวังให้เด็กเล็กได้รับการพัฒนาทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา มีความพร้อมที่จะเข้าศึกษาต่อในระดับการศึกษาขั้นต่อไป ให้เด็กสามารถเติบโตเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่าของประเทศชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในวันนี้ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้ริเริ่มโครงการ “ศูนย์เรียนรู้ภูมิสังคมท้องถิ่นอย่างยั่งยืน (Local Geo – social Sustainability Learning Center : LGS Learning Center) ที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นร่วมกับโรงเรียนรุ่งอรุณ และสถาบันอาศรมศิลป์ นำโดย รองศาสตราจารย์ ประภาภัทร นิยม อธิการบดีสถาบันอาศรมศิลป์ ซึ่งได้มอบหมายให้ นายธีรกุล นิยม รองอธิการบดีสถาบันอาศรมศิลป์ และ ดร.อัญญมณี บุญซื่อ ผู้อำนวยการหลักสูตรศึกษาศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย สถาบันอาศรมศิลป์ ร่วมหาแนวทาง และวางระบบของการพัฒนาเด็กและเยาวชน ให้ได้รับการพัฒนาด้านการเรียนการสอน มีภูมิสังคมที่ยั่งยืนในชีวิตประจำวัน ทั้งทางด้านภูมิศาสตร์ สิ่งแวดล้อม ชีวภาพ วิถีชีวิต ขนบธรรมเนียมและประเพณี ส่งเสริมให้เด็กมีเอกลักษณ์ เป็นพลเมืองของสังคมและชุมชนที่มีความพร้อมของทักษะพื้นฐาน และสุขภาวะทางกายและใจ มีวินัยในการกำกับตนภายใต้การเปลี่ยนแปลงของวิถีสังคมและวัฒนธรรม ทั้งยังได้รับการเรียนรู้สู่การปฏิบัติจริงในชีวิตประจำวัน และยกระดับมาตรฐานการศึกษาโดยใช้แนวทางการดำเนินการสนองตามหลัก “เทพรัตนปูชา” อันเป็นรูปแบบการจัดการศึกษาและการพัฒนาครูตามแนวพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่พัฒนามาจากพระราชดำริ “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” “ภูมิสังคมที่ยั่งยืน” และ “การระเบิดจากข้างใน” ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งการดำเนินการครั้งนี้ มีรูปแบบการขยายผลการพัฒนาแบบ “วงจรการเรียนรู้การประสานมือผสานใจแบบขดลวดสปริง” อันเป็นการประสานความร่วมมือระหว่างผู้บริหาร หัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ครูผู้ดูแลเด็ก ผู้ดูแลเด็ก ผู้ปกครอง เด็ก และคนในชุมชน ใน 4 ด้าน คือ ด้านวิชาการ ด้านวิชาชีพครู ด้านการบริหารจัดการ ด้านการทำงานร่วมกับผู้ปกครองและชุมชนในการเลี้ยงและดูแลเด็ก ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาผู้บริหารท้องถิ่นให้เป็นผู้นำทางการศึกษา เป็นผู้นำทางการเรียนรู้ มีการพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนการสอนที่ยึดเด็กเป็นศูนย์กลางตามเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น เพื่อนำไปสู่การพัฒนาเป็นหลักสูตรท้องถิ่นของแต่ละภูมิภาค มีการบริหารจัดการทางด้านสุขภาวะ สุขอนามัยในกิจวัตรประจำวันและพัฒนาแนวทางการเลี้ยงดูเด็กทั้งที่บ้านและที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก มีการจัดสื่อการเรียนรู้ และสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ตามบริบทของเอกลักษณ์ในแต่ละท้องถิ่น รวมถึงให้มีการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ร่วมกับผู้ปกครองและชุมชน เพื่อให้สอดรับกับพัฒนาการตามวัยของเด็ก โดยจะเริ่มการพัฒนาจากกลุ่ม Pilot Team หรือกลุ่มศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่เข้มแข็งแล้ว ให้ขยายผลไปสู่กลุ่มศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในจังหวัดเดียวกัน โดยจะเริ่มการดำเนินการพร้อมๆ กันทั้ง 6 ภาค คือ ภาคเหนือ ภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันตก และภาคใต้ ภายใต้การดูแลจากผู้เชี่ยวชาญประจำแต่ละภูมิภาค แบ่งขั้นตอนการดำเนินการตามวงจรการพัฒนาตามรูปแบบการจัดการศึกษาและการพัฒนาครูตามแนวพระราชดำริฯ
อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขับเคลื่อนการพัฒนาศูนย์พัฒนาเด็กเล็กขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นว่า กรมฯ มีภารกิจหน้าที่รับผิดชอบในการพัฒนาเด็กและเยาวชน ซึ่งปัจจุบันมีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวนกว่า 19,000 แห่ง มีเด็กเล็กที่อายุ 2-5 ปี ที่อยู่ในความดูแล จำนวน กว่า 900,000 คน กรมฯ จึงตระหนักว่าวัยเด็กช่วงนี้ เป็นช่วงที่สำคัญที่สุดของการพัฒนาชีวิต ประกอบกับผลสำรวจของหน่วยงานต่างๆ ที่ปรากฏว่า เด็กไทยมีระดับสติปัญญาที่ต่ำลง และกรมฯ ก็มั่นใจว่าสถาบันอาศรมศิลป์ และโรงเรียนรุ่งอรุณ จะ เป็นผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจในการพัฒนาเด็กเล็กจนถึงผู้ใหญ่ได้ และที่สำคัญที่สุด คือเป็นผู้ที่มีความเสียสละ เพื่อส่วนรวม กรมฯ จึงได้มาหารือถึงแนวทาง เพื่อให้เด็กที่อยู่ภายใต้การดูแลการจัดการศึกษาของท้องถิ่นได้รับสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ จะผลักดันให้มีแนวทางในการเปิดรับดูแลเด็กเล็กตลอดทั้งปี เพื่อให้เด็กได้รับการพัฒนาในทุกๆด้าน ทุกๆวัน อย่างมีประสิทธิภาพ ให้ผู้ปกครองสามารถไว้วางใจเมื่อลูกหลานมาอยู่ในความดูแลของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กของท้องถิ่นเรา ซึ่งจะขอความร่วมมือผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้บริหารกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ในการให้ความสำคัญ ตลอดจนให้กำลังใจ พบปะพูดคุย และเยี่ยมเยียนศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอย่างสม่ำเสมอด้วย
อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กล่าวในตอนท้ายว่า ถ้าทุกคนในสังคม ร่วมกันสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ ให้สามารถแทรกตัวอยู่ในทุกพื้นที่ โดยในแต่ละพื้นที่ช่วยกันส่งเสริม ผลักดันให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ เข้าไปมีความสัมพันธ์ที่ดีในชุมชน พลังของการขับเคลื่อนเหล่านั้น จะสามารถเป็นแรงหนุนให้ชุมชน มีความเข้มแข็ง ขยายวงของการพัฒนาการศึกษาของชาติให้กว้างไกลได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด