วันนี้ 8 ม.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร้อยโททศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า ผมขอสร้างความเชื่อมั่นว่า สกายวอล์คจังหวัดกาญจนบุรี ได้มาตรฐานเพราะใช้กระจกนิรภัยฮีทสเตร็งท์ หนา 8 มิลลิเมตร จำนวน 3 ชั้น โดยยึดกระจกแต่ละชั้นด้วยฟิล์มนิรภัยที่ช่วยในการยึดติดกระจก และรับแรงต่างๆ ซึ่งต่างจากกระจกที่เป็นข่าวในต่างประเทศ จึงทำให้มั่นใจได้ว่าหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น ยังคงมีฟิล์มนิรภัยและกระจกอีกสองชั้นรองรับอยู่ อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิโดยฉับพลันไม่มีผล ทำให้กระจกแตกร้าวหรือลั่นได้
โดยสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดกาญจนบุรี ชี้แจงแล้วว่า จังหวัดกาญจนบุรีได้ออกแบบสกายวอล์ค โดยใช้กระจกนิรภัยฮีทสเตร็งท์ หนา 8 มิลลิเมตร จำนวน 3 ชั้น โดยยึดกระจกแต่ละชั้นด้วยฟิล์มนิรภัยที่ช่วยในการยึดติดกระจกและรับแรงต่างๆ ซึ่งต่างจากกระจกที่เป็นข่าวในต่างประเทศ ที่คาดว่าจะใช้กระจกเท็มเปอร์ หนา 10 มิลลิเมตรเพียงแผ่นเดียว ซึ่งกระจกประเภทนี้จะแตกเป็นเม็ดข้าวโพด กระจกจะแตกแล้วหลุดเป็นเม็ดร่วงลงพื้นได้ ซึ่งต่างจากของ สกายวอล์คจังหวัดกาญจนบุรี ที่เป็นกระจก 3 ชั้นพร้อมฟิล์มนิรภัย จึงทำให้มั่นใจได้ว่าหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันทำให้กระจกชั้นบนแตกร้าว ก็ยังคงมีฟิล์มนิรภัยและกระจกอีกสองชั้นรองรับอยู่
กระจกนิรภัยฮีทสเตร็งท์ เป็นการผลิตกระจกที่อุณหภูมิ 600 ถึง 800 องศาเซลเซียส ความร้อนปกติในอากาศที่ความสูงประมาณ 12 เมตร จากระดับพื้น ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้วถือว่าน้อยมาก (อุณหภูมิความร้อนสะสมประมาณ 50 องศาเซลเซียส )ไม่มีผลต่อกระจก การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิโดยฉับพลันไม่มีผล ทำให้กระจกแตกร้าวหรือลั่นได้คล้ายกระจกรถยนต์
นอกจากนี้ยังได้ออกแบบให้กระจกวางอยู่บนนอตั่นเทป ซึ่งเป็นวัสดุคล้ายโฟมวางไว้โดยรอบ เพื่อช่วยลดแรงกระแทกและการขยายตัวของวัสดุจากความร้อน จากเหล็กโครงสร้างถึงตัวกระจก แล้วทำการยาแนวด้วยซิลิโคลน เกรด A เพื่อป้องกันการขยายตัวของเหล็กโครงสร้างที่อาจมีส่งผลกระทบกับกระจกนิรภัย
จึงมั่นใจได้ว่ากระจกสกายวอล์คจังหวัดกาญจนบุรี จะสามารถทนความร้อนได้เป็นอย่างดี ไม่ลั่นและแตกด้วยความร้อนอย่างที่เป็นข่าว และตามที่เราเคยแจ้งให้ทราบไปแล้ว ว่าเราได้ทำ การทดสอบน้ำหนักการรับแรงของกระจกนิรภัยดังกล่าวที่ 400 กิโลกรัมต่อตารางเมตร กระจกนิรภัยยังสามารถรับน้ำหนักได้ดี
แต่อย่างไรก็ตามจังหวัดกาญจนบุรีขอให้นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมบรรยากาศบนสกายวอล์ค ปฏิบัติตามกฎที่เจ้าหน้าที่แนะนำอย่างเคร่งครัด เช่นห้ามใส่รองเท้าส้นสูง ห้ามพกของที่มีโลหะหรือสิ่งที่มีคมที่เสี่ยงต่อการตกหล่นใส่กระจกสกายวอล์ค รวมถึงให้ยืนกระจายกัน ไม่จับเป็นกลุ่มที่หนาแน่นจนเกินไป และปฎิบัติตามนโยบายความปลอดภัยของเทศบาลเมืองกาญจนบุรี ก็จะทำให้การเที่ยวชมสกายวอล์คปลอดภัย
การชี้แจงยืนยันความแข็งแรงและปลอดภัยในครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา มีผู้ออกมาเขียนข้อความเกี่ยวกับสกายวอร์ค แต่ไม่ทราบที่มาว่าผู้เขียนนั้นเป็นใคร ซึ่งได้สร้างความกังวลใจให้ผู้คนได้ไม่น้อยเลยทีเดียว โดยได้ระบุว่า
“ผมเรียนจบวิศวกรรมอากาศยาน ตอนเรียนวัสดุศาสตร์(Structural Matterial) จำได้ว่ากระจกเป็นวัสดุที่อาศัยแรงตึงผิว จึงรับแรงกดได้ไม่ดี รับได้แต่แรงเฉือน
ในเครื่องบิน ส่วนที่เป็นกระจกจึงต้องอยู่ในตำแหน่งลู่ลมเท่านั้น อีกอย่างเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น โมเลกุลของกระจกขยายตัว แรงตึงผิวจะลดลง แม้ว่ากระจกจะหนา และรับแรงกดได้ระดับนึง ก็อาจแตกได้ เมืองไทยที่มีอากาศร้อนจึงไม่น่าจะไปสร้างสะพานกระจกไว้กลางแจ้ง
ผมเคยขึ้นมาสองแห่ง แห่งแรกที่ จ.เลย ตอนนั้นหน้าหนาวไม่ค่อยหวาดเสียวเท่าไหร่ แห่งที่สองที่กาญจนบุรี แห่งนี้เจออากาศร้อนจัด ขึ้นไปแล้วเสียวมาก คนก็เยอะ ยิ่งได้ยินเสียงกระจกลั่นยิ่งหวาดเสียว รีบลงแทบไม่ทัน พอมีข่าวว่าเกิดเหตุกระจกพื้นสกายวอล์คแตกที่อินโดนีเซียเมื่อเร็วๆนี้ ผมเลยตั้งใจว่าจะไม่ขึ้นสะพานกระจกที่ไหนอีกแล้ว บางท่านอาจไม่คิดว่า เหตุการณ์มันจะเกิดขึ้นกับตัว บางคนก็ชอบเสี่ยง ชอบผจญภัยและคลั่งไคล้ในความตื่นเต้น หวังว่าบทความนี้ คงจะให้ข้อคิดและเป็นประโยชน์บ้างต่ออีกหลายท่านที่คิดจะไปเดินชมวิวบนสกายวอล์คพื้นกระจกนะครับ”
//////////////////////////////////////////////////////////
ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์ - รายงาน