เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567
วันนี้( 11 มี.ค.2567) เวลา 09.00 น .ที่บริเวณพื้นที่แม่น้ำป่าสักบริเวณบ้านท่าราบ ตำบลต้นตาล อำเภอเสาไห้ นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรมจิตอาสา ฟื้นฟู บูรณะแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ส่งเสริมรณรงค์ให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมตะหนักถึงความเสียสละ และการทำความดีโดยไม่หวังผลตอบแทน ตลอดจนถึงเป็นการแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อีกด้วย
โดยประธานในพิธีถวายความเคารพหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพ ถวายความเคารพ จากนั้นได้นำจิตอาสาพระราชทานจังหวัดสระบุรี ประชาชนจิตอาสา หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ร่วมกันกล่าวคำปฏิญาณ เราทำ ความดี ด้วยหัวใจ จำนวน 3 ครั้ง จากนั้นนำจิตอาสาพระราชทาน ประชาชนจิตอาสา ลงมือร่วมกันทำความสะอาด ทาสี ตัดหญ้า เก็บกวาดขยะ บริเวณพื้นที่แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์
ซึ่งบริเวณพื้นที่แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ แห่งนี้ ได้มีพิธีพลีกรรมตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จ.สระบุรี เพื่อประกอบพิธีทำน้ำมุรธาภิเษกและน้ำอภิเษก เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อปีพุทธศักราช 2562 โดยเรื่องราวของท่าน้ำศักดิ์สิทธิ์มีมาแต่อดีตตั้งแต่เมื่อครั้งต้นราชวงศ์จักรี ความว่า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ได้เสด็จฯ หัวเมืองปริมณฑล จ.สระบุรี พระองค์ทรงเรือพระที่นั่งมาติดสันดอนกลางหาดแม่น้ำป่าสัก ณ บ้านท่าหินลาด ต.ท่าราบ ครั้นเมื่อการเป็นเช่นนั้นจึงได้เกณฑ์ไพร่พล บริเวณริมข้างลำน้ำ เพื่อที่จะชักลากเรือให้พ้นเขตสันดอน แต่ว่าตามกฎมณเฑียรบาลนั้น ตราห้ามไว้มิให้ราษฎรชายลงไปช่วย เพื่อป้องกันการวางแผนประทุษร้ายเจ้านายชั้นสูง แต่เพื่อมิให้เรือพระที่นั่งติดสันดอนอยู่เช่นนั้น หญิงชาวบ้านชาวไท-ยวนที่เห็นเหตุการณ์กลุ่มหนึ่ง ได้ตัดสินใจดึงผ้าแถบที่พันรอบอกเพื่อปกปิดท่อนบนของแต่ละคน แล้วนำมาผูกต่อๆ กันจนยาวพอจะใช้ชักลากเรือพระที่นั่งให้พ้นสันดอนได้สำเร็จ เรือได้ชักลากโดยกรมวังเกณฑ์หญิงสาวชาวพายัพ หรือในปัจจุบันคือกลุ่มชาวไทยญวน ได้ชักลากเรือ 217 นาง เพื่อให้พ้นสันดอนจนมาถึงบ้านท่าราบหมู่ 6 ระยะทาง 1 กิโลเมตรเศษ พระองค์ทรงให้หยุดพัก และทรงเสด็จฯ ยังหาดทรายสีขาว แล้วเสด็จฯ เลียบหาดทราย และสรงน้ำจนเป็นที่พอพระราชหฤทัย จึงได้พระราชทานเงินรางวัลแด่ผู้ที่ชักลากเรือในคราวนั้น เป็นเหตุให้ท่าน้ำศักดิ์สิทธิ์สระบุรี ได้เป็นท่าน้ำศักดิ์สิทธิ์ของเบญจสุทธิคงคา เพื่อที่จะนำน้ำเข้าพิธีบรมราชาภิเษกในลำดับรัชกาลถัดไป
โดยน้ำท่าน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ได้เป็นน้ำมหามุรธาภิเษก คือน้ำรดพระเศียรพระเจ้าแผ่นดิน มีเพียง 9 แหล่งน้ำ คือ 4 สระน้ำจาก จ.สุพรรณบุรี น้ำศักดิ์สิทธิ์จากแม่น้ำเจ้าพระยา น้ำศักดิ์สิทธิ์จากแม่น้ำบางปะกง น้ำศักดิ์สิทธิ์จากแม่น้ำเพชรบุรี น้ำศักดิ์สิทธิ์จากแม่น้ำราชบุรี และน้ำศักดิ์สิทธิ์จากแม่น้ำป่าสัก ณ บ้านท่าราบ นับเป็นที่น่าภาคภูมิใจของพสกนิกรชาวสระบุรีเป็นอย่างยิ่ง
สมพงษ์ ปานรุ่ง รายงาน สระบุรี