ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
ท้องถิ่นไทย ย้อนกลับ
สกลนคร ไต้หวันหนุนปลูกหญ้าเนเปียร์เสริมรายได้-เป็นพลังงานสะอาดลดโลกร้อน
14 มี.ค. 2567

บริษัทเอกชนและเกษตรกรไทย จับมือสถาบันการศึกษา และนักธุรกิจจากประเทศไต้หวัน เปิดโครงการปลูกหญ้าเนเปียร์เสริมรายได้และเป็นพลังงานสะอาด ลดภาวะโลกร้อน ใช้ผลิตภ่านให้ความร้อนสูง เชื่อจะสามารถทำรายได้ให้กับเกษตรกร

วันที่ 14 มีนาคม 2567 ที่บริษัท ซิโนมาร์ท แพลทฟอร์ม จำกัด เลขที่ 194 หมู่ 11  ต.เดื่อศรีคันไชย  อ.วานรนิวาส  จ.สกลนคร  นายสุวิชัย ผ่องนัยเลิศ  ที่ปรึกษาศูนย์วิจัยและพัฒนาการป้องกันและจัดการภัยพิบัติ คณะพัฒนาสังคมและยุทธศาสตร์การบริหารสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เป็นประธานเปิดการเสวนา โครงการปลูกหญ้าเนเปียร์เสริมรายได้และลดภาวะโลกร้อน  โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศไทยยังมีรายได้น้อย รัฐบาลพยายามเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทยไปสู่รูปแบบใหม่ ที่เรียกว่า BCG Economy Model เป็นการต่อยอดจุดแข็งของประเทศให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ทั้งในด้านความหลากหลายทางชีวภาพและความหลากหลายทางวัฒนธรรม โดยอาศัยกลไกวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อผลิตสินค้าและบริการที่มีมูลค่าสูง และเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจจาก “ทำมากแต่ได้น้อย” ไปสู่ “ทำน้อยแต่ได้มาก”  ซึ่ง BCG Economy Model เป็นกลไกหนึ่ง ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ กระจายโอกาส กระจายรายได้ และนำความสุขไปสู่ชุมชนในท้องถิ่นอย่างทั่วถึง พัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมให้ยั่งยืน ดังนั้นพวกเราจึงใช้ Model เป็นแนวทางของโครงการ 

โดยที่ทรัพยากรธรรมชาติในโลกใบนี้ มีจำกัด   ทุกอย่างบนโลกนี้มีความเกี่ยวข้องและเป็นสิ่งแวดล้อมซึ่งกันและกัน  การเปลี่ยนแปลงสิ่งหนึ่งไปสู่อีกสิ่งหนึ่งของสสาร จะเป็นนวัตกรรมที่เกิดเพิ่มขึ้นได้  และจะเป็นประโยชน์ถ้าเรารู้จักวิธีการนำมาใช้ใหม่ (Recycle)   มลพิษต่างๆ กากของเสีย และพลังงานเหลือทิ้ง การนำเทคโนโลยีเข้ามาเพื่อสร้างความสมดุลของมลพิษ  ของเสีย และพลังงานที่ทิ้งเปล่า ไม้ให้เกิดมลพิษ และสร้างผลผลิตใหม่  ที่จะเป็นประโยชน์ ทั้งต่อส่วนรวมทั้งในระดับ  มหภาค  และจุลภาค   จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามและควรร่วมมือกัน  โครงการปลูกหญ้าเนเปียร์เสริมรายได้  ซึ่งตลาดมีความต้องการสูง แต่ปัญหาที่พบคือหาตลาดไม่เจอ   ด้วยเกษตรกร หลายๆอำภอ ใน จังหวัดสกลนคร มีอาชีพทำนา ทำสวน. ทำไร่ เลี้ยงวัว กระบือ เป็นหลัก  การปลูกหญ้าเนเปียร์ควบคู่ไปกับการเกษตรกรรม นั้นๆ จะทำให้เกิดรายได้เสริมแก่เกษตรกรในชุมชน  
หญ้าเนเปียร์ นอกจากนำมาผลิตอาหาร โค กระบือแล้ว ยังนำมาใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตพลังงานทดแทน เป็น เรื่องที่ดีในการใช้ประโยชน์จากหญ้าเนเปียร์เพื่อเป็นทางเลือกของเชื้อเพลิงพลังงานสะอาด. และเป็นการต่อยอดสร้างรายได้ สร้างอาชีพให้กับเกษตรในชุมชนอีกด้วย  โครงการนี้สามารถที่จะพัฒนาให้ยั่งยืน  สามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่เกษตรกร  เพิ่มมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร สามารถลดการใช้ทรัพยากรซากกลาย fossil และหมุนเวียนก๊าซเรือนกระจกไม่ให้เพิ่ม   ลดภาวะโลกร้อน  มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรชีวภาพอย่างคุ้มค่า และเกิดประโยชน์ให้มากที่สุด ภายใต้ Green Economy ระบบเศรษฐกิจสีเขียว ซึ่งมุ่งแก้ไขปัญหามลพิษ เพื่อลดผลกระทบต่อโลกอย่างยั่งยืน

ประเทศไทยมีโครงสร้างสังคมและเศรษฐกิจแบบพึ่งพาเกษตรกรรมเป็นหลัก มีสัดส่วนประชากรในภาคเกษตรกรรมเป็นจำนวนมาก รายงานของสำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (2013) ระบุว่า แรงงานในภาคเกษตรกรรมมีจำนวนมากถึง 32.3%  ขณะที่ในภาคอุตสาหกรรมมีเพียง 17% และในภาคบริการมี 7% เท่านั้น อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารายได้ส่วนใหญ่จะมาจากภาคเกษตรกรรม แต่คนทำงานกลับมีรายได้น้อย ทำให้แรงงานรุ่นใหม่ เข้าสู่ภาคการเกษตรน้อยลง จึงเป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะต้องคงเอกลักษณ์สังคมเกษตรไว้ และในขณะเดียวกัน ต้องสามารถอยู่ดำรงชีวิตอยู่ได้ในสถานะที่เหมาะสม ความเป็นอยู่ที่ดีระดับหนึ่ง  สิ่งที่จะช่วยได้นั้น ก็คือต้องอาศัยเทคโนโลยีมาเพิ่มมูลค่าคุณค่าผลผลิตของเกษตรกร  เพื่อเศรษษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่า ในการนี้ ได้รับความสนใจจากนักธุรกิจชาวประเทศไต้หวัน เดินทางมาดูงานการแปรรูปหญ้าเนเปียร์เพื่อนำไปผลิตเป็นพลังงานสะอาด โดยเฉพาะถ่านให้ความร้อนสูงต่อไป

นายสุวิเชียร ผ่องนัยเลิศ  กล่าวว่า โครงการนี้ ได้รับความร่วมมือจากทางประเทศไต้หวัน โดยตัวแทนจากไต้หว้นคือคุณวิกกี้และคุณชาน ได้เข้ามาให้การสนับสนุนทั้งเรื่องของเทคโนโลยีเรื่องของเงินทุนในการดำเนินการและยินดีที่จะพัฒนาร่วมกันไปกับเราและมีการตั้งเป้าทั้งที่คุณวิกกี้และคุณชานแจ้งมาว่าเราจะมีการตั้งเป้ารับหญ้าได้ถึงเดือนละห้าหมื่นตันขึ้นไปหมายถึงหญ้าที่ผ่านขบวนการแล้วห้าหมื่นตัน หญ้าสดเราจะรับได้แสน-แสนห้าหมื่นตันต่อเดือนสมมติว่าในกรณีหนึ่งแสนตันต่อเดือนปีนึงก็จะประมาณหนึ่งล้านสองแสนตันในหนึ่งไร่ผลผลิตห้าสิบตันตามที่มหาวิทยาลัยราชมงคลอีสานได้ให้ข้อมูลมา ตันนึงปัจจุบันนี้เรารับอยู่ที่สามร้อยห้าสิบบาทคือเราให้ตัวแทนออกไปรับอยู่ที่สามร้อยห้าสิบบาทและตัวแทนก็จะได้ค่าป่วยการหรือค่าสนับสนุนให้ต่างหาก หญ้าสดความชื้นหกสิบเปอร์เซ็นต์หญ้าแห้งก็คิดตามเปอร์เซ็นต์ความชื้นที่หายไป อย่างกรณีความชื้นที่เรารับหกสิบเปอร์เซ็นต์ราคาสามร้อยห้าสิบบาท เมื่อเป็นหญ้าสดน้ำหนักหายไปเราจะคิดน้ำหนักส่วนที่หายไปคืนเขาไปนับเป็นโอกาสดีของเกษตรกรและเป็นโอกาสดีขงเราที่พัฒนาเทคโนโลยีได้ เพราะว่าเราได้รับการสนับสนุนจากทางไต้หวันให้ทุนโดยยอดเงินที่ซื้อหญ้าเท่าไหร่ จะตัดตามยอดเงินที่ให้เรามาส่วนหนึ่งเป็นค่าบริหาร แต่จริงๆแล้วไม่ได้เป็นค่าบริหาร จริงๆแล้วเรากำลังจัดตั้งมูลนิธิขึ้นมาเพื่อใช้ในการวิจัยพัฒนาการใช้พลังงาน ตอนนี้เราก็ไปได้ระดับนึงพอสมควรซึ่งทางเมืองนอก็พอใจก็เลยเข้ามาให้การสนับสนุน

สำหรับหญ้าเนเปียร์ มีหลายสายพันธุ์ มีอายุ 8 ปี โตเต็มที่สูงถึง 5-6 เมตร เป็นพืชที่ชอบน้ำจะเจริญเติบโตได้ดีหากมีความชื้น 1 ปี จะต้อได้ 2 ครั้ง  ส่วนการปลูกมี 2 แบบ คือปลูกด้วยท่อนสั้น โดยใช้ระยะปลูก 75 x 75 เซนติเมตร ปลูกหลุมละ 2 ท่อน โดยใช้โคนปักเอียงลงดิน ให้ข้ออยู่ใต้ดินลึก 1 - 2 นิ้ว กลบดินและเหยียบให้แน่น การปลูกด้วยท่อนพันธุ์ยาวทั้งต้น ทำได้โดยนำท่อนพันธุ์มาวางนอน เป็นแถว ติดต่อกันโดยมีระยะห่างระหว่างแถว 0.75 - 1 เมตร และกลบดิน ให้ท่อนพันธุ์อยู่ลึก 1 - 2 นิ้ว หญ้าเนเปียร์โม่สด ในการส่งเสริมการปลูกหญ้าเนเปียร์ครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือวิทยากรจากอาจารย์มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีาชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร 
   
 
/////////////// วัฒนะ แก่วก่าสกลนคร 0819541528

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...