รมช.อนุชา หนุนเกษตรกร ก้าวสู่มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ PGS เพิ่มขีดความสามารถ ดันเป็นต้นแบบ ต่อยอด พัฒนาที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด
นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายกลังตรวจเยี่ยมศูนย์เรียนรู้เกษตรอินทรีย์ PGS วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผักปลอดภัยตำบลบ้านตุ่น อ.เมืองพะเยา จ.พะเยา ว่าปัจจุบันภาคการเกษตรต้องมีการพัฒนาที่ทันสมัย รวดเร็ว เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะด้านการพัฒนาที่ดิน เพื่อให้เป็นรากฐานการผลิตที่ยั่งยืน โดยทุกภาคส่วนจำเป็นต้องร่วมกันหาแนวทางปรับเปลี่ยนแนวคิดการทำงาน เพิ่มองค์ความรู้ใหม่ ๆ ปรับเปลี่ยนบริบทภาคเกษตรเพื่อเพิ่ม GDP ภาคเกษตรให้สูงขึ้น อีกทั้ง ต้องร่วมกันขับเคลื่อนการใช้พื้นที่เกษตรให้เต็มศักยภาพ ด้วยการจัดการผลผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพ นำไปสู่การสร้างอาชีพให้พี่น้องเกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น หลุดพ้นความยากจน ลดภาระหนี้สิน
สำหรับพื้นที่แปลงของนายจำนงค์ นาคประดับ หมอดินอาสาจังหวัดพะเยา ทำการเกษตรแบบผสมผสานตามแนวคิดทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง เดิมเกษตรกรในพื้นที่ปลูกพืชผัก และมีความสนใจในการทำเกษตรอินทรีย์ นายจำนงค์ จึงได้รวบรวมเกษตรกรมาศึกษาเรียนรู้และเข้าสู่กระบวนการรับรองเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม PGS ที่สนับสนุนโดยสถานีพัฒนาที่ดินพะเยา จัดตั้งเป็นกลุ่มผลิตผักปลอดภัยตำบลบ้านตุ่น ส่งจำหน่ายโรงพยาบาลพะเยา และพัฒนาศูนย์เรียนรู้การพัฒนาที่ดินจอกับปอ โดยเป็นตัวอย่างการทำเกษตรแบบผสมผสานปลูกไม้ผลและพืชผักหลากหลายชนิด มีจุดถ่ายทอดการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ โดยการก่อสร้างฝายชะลอน้ำ พร้อมส่งน้ำด้วยระบบท่อ โดยใช้พลังงานจากแผงโซล่าเซลล์ นับเป็นต้นแบบที่ดีในการทำเกษตรอินทรีย์ของคนต้นน้ำ
อีกทั้ง ยังเป็นศูนย์ฝึกอบรมถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีการพัฒนาที่ดินในพื้นที่ใกล้เคียง ให้สามารถเรียนรู้และนำไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่ของตนเองได้ โดยมุ่งให้ความรู้เกษตรกรด้านการทำมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาลและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อแก้ไขปัญหาภาคเกษตรกรรมและยกระดับรายได้ของพี่น้องเกษตรกร
“กระทรวงเกษตรฯ พร้อมให้การสนับสนุนเพื่อให้เกษตรกรทำเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม โดยเน้นความสำคัญของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทั้งผู้ผลิต ผู้บริโภค และบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อร่วมขับเคลื่อนการทำงานอย่างเป็นระบบ นำนวัตกรรม และเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้า พร้อมพัฒนาชุมชนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเกษตรปลอดภัย โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตชาวนาไทยให้กินดี อยู่ดี มีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพิ่มขีดความสามารถให้ชาวนาพร้อมรับความเปลี่ยนแปลง นำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เน้นการทำเกษตรเชิงรุก ยกระดับจากมาตรฐาน GAP สู่เกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม PGS วิถีชุมชนที่อยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน ตลอดจนสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่ของหมอดินอาสาที่มีศักยภาพในการจัดทำแปลงสาธิต และมีความสามารถในการเป็นวิทยากร เพื่อให้ผู้ที่สนใจเข้ามาศึกษาดูงานเรียนรู้จากแปลงต้นแบบและฐานเรียนรู้ ได้อย่างถูกต้อง” รมช.อนุชา กล่าว