ทุกวันที่ 20 มี.ค. ของทุกปีตรงกับวันแห่งความสุขสากลขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งในวันนี้จะมีการเผยแพร่รายงานความสุขโลก (World Happiness Report) เป็นประจำทุกปี เพื่อจัดอันดับว่า ประชากรในประเทศใดมีความสุขมากที่สุดในโลก ล่าสุดรายงานความสุขโลกประจำปี 2024 ได้เผยแพร่ออกมาแล้ว และผลปรากฏว่า “ฟินแลนด์” ยังคงครองตำแหน่งอันดับ 1 นับเป็นปีที่ 7 ติดต่อกันแล้ว การจัดอันดับเกิดจากการสำรวจความเห็นผู้คนในกว่า 140 ประเทศ และจัดอันดับความสุขโดยพิจารณาจากการประเมินชีวิตโดยเฉลี่ยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในกรณีนี้คือระหว่างปี 2021-2023

ประเทศฟินแลนด์ที่มีอากาศเย็น ซึ่งแสงเหนือจะเต้นระบำในฤดูหนาวและแสงแดดในฤดูร้อนจะส่องแสงได้ตลอดทั้งคืน มีหลายสิ่งที่คิดไว้มากมายเกี่ยวกับเงื่อนไขทางสังคมที่เหมาะสมสำหรับความสุข

จอห์น เฮลลิเวลล์ ศาสตราจารย์เกียรติคุณสาขาเศรษฐศาสตร์จากวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์แวนคูเวอร์ มหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย และบรรณาธิการผู้ก่อตั้งรายงานความสุขโลก กล่าวว่า การสำรวจขอให้ผู้เข้าร่วมแต่ละคนให้คะแนนชีวิตของตนโดยรวม โดยคำนึงถึงสิ่งที่พวกเขาเห็นคุณค่า

“และคุณจะพบว่า ประเทศฟินแลนด์ค่อนข้างร่ำรวยในทุกสิ่ง เช่น กระเป๋าเงินที่ถูกส่งคืนหากถูกทิ้งไว้บนถนน ผู้คนช่วยเหลือกันอยู่เสมอ โอกาสด้านสุขภาพและการศึกษาที่มีคุณภาพสูงมากและกระจายไปทั่วโลก” เขากล่าว

นอกจากนี้ เขายังตั้งข้อสังเกตอีกว่า ฟินแลนด์มีผู้อพยพที่มีความสุข “ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่พวกเขาพร้อมจะแบ่งปันกับผู้มาใหม่”

รายงานพิจารณาตัวแปรสำคัญ 6 ประการเพื่อช่วยอธิบายการประเมินชีวิต ได้แก่ GDP ต่อหัว การสนับสนุนทางสังคม อายุขัยและการมีสุขภาพดี เสรีภาพ ความเอื้ออาทร และการรับรู้เรื่องการคอร์รัปชัน

นอกจากฟินแลนด์ ประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มนอร์ดิกยังได้รับคะแนนสูงเช่นกัน โดยเดนมาร์กอยู่ในอันดับ 2 ตามด้วยไอซ์แลนด์ อันดับ 3 และสวีเดน อันดับ 4 แล้วยังมีนอร์เวย์อยู่ในอันดับ 7 ด้วย

ส่วนในอันดับที่ 5 คือ อิสราเอล ซึ่งรายงานเน้นย้ำว่า เนื่องจากการจัดอันดับความสุขเก็บข้อมูลในปี 2021-2023 จึงยังไม่มีการนำสถานการณ์สงครามอิสราเอล-ฮามาสมาพิจารณา

10 ประเทศแรกที่มีความสุขที่สุดในโลก คือ

1. ฟินแลนด์
2. เดนมาร์ก
3. ไอซ์แลนด์
4. สวีเดน
5. อิสราเอล
6. เนเธอร์แลนด์
7. นอร์เวย์
8. ลักเซมเบิร์ก
9. สวิตเซอร์แลนด์
10. ออสเตรเลีย

แต่ที่น่าประหลาดใจคือ สหรัฐฯ และเยอรมนีซึ่งอยู่ใน Top 20 มาตลอดนับตั้งแต่ปี 2012 ครั้งนี้กลับตกลงไปอยู่ในอันดับ 23 และ 24 ตามลำดับ ปัจจัยบางส่วนอาจมาจากความสุขของประชากรที่ลดลง และอีกส่วนหนึ่งมาจากความสุขที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะเช็กเกีย (อันดับที่ 18) ลิทัวเนีย (อันดับที่ 19) และสโลวีเนีย (หมายเลข 21)

ในภาพรวมลิทัวเนียอยู่ในอันดับที่ 19 แต่หากพิจารณาเฉพาะกลุ่มที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี ลิทัวเนียกลับกลายเป็นประเทศที่มีความสุขที่สุดเป็นอันดับ 1 ส่วนกลุ่มผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปที่เดนมาร์กมีความสุขมากที่สุด

ในบรรดาผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี สหรัฐฯ อยู่ในอันดับที่ 62 แคนาดาอยู่ในอันดับที่ 58 และออสเตรเลียกับนิวซีแลนด์มีอันดับที่ค่อนข้างต่ำมากเช่นกันในหมู่ประชากรอายุน้อย

เฮลลิเวลล์กล่าวว่า คะแนนที่ต่ำในหมู่คนหนุ่มสาวในประเทศเหล่านั้น ไม่ใช่เรื่องของการศึกษาที่น้อยลง รายได้ที่ลดลง หรือการเจ็บป่วยมากขึ้น

เขาบอกว่า “มันเป็นสิ่งที่พวกเขาคิดเกี่ยวกับชีวิตของพวกเขา ดังนั้นมันจึงเป็นคำถามเกี่ยวกับอารมณ์ ... พวกเขากำลังได้ยินข่าวที่ทำให้พวกเขาไม่มีความสุข และพวกเขาอาจจะแบ่งปันมัน และอาจทำให้พวกเขาไม่มีความสุขด้วย”

สำปรับประเทศไทยภาพรวมอยู่ในอันดับที่ 56 สูงขึ้นมาจากคราวก่อนซึ่งอยู่ในอันดับที่ 60 และหากแยกพิจารณากลุ่มอายุน้อยกว่า 30 ปีและกลุ่มผู้สูงอายุ อยู่ในอันดับที่ 45 และ 41 ตามลำดับ

ขณะที่ 5 ประเทศซึ่งมีความสุขน้อยที่สุดในโลก ได้แก่ อัฟกานิสถาน (อันดับ 143), เลบานอน (อันดับ 142), เลโซโท (อันดับ 141), เซียร์ราลีโอน (อันดับ 140), และคองโก (อันดับ 139)