"สมคิด" ให้การบ้าน ธ.ก.ส.-กระทรวงเกษตรฯ หาวิธีปฏิรูปการเกษตร ปรับโครงสร้างการผลิตยั่งยืน แนะลดดอกเบี้ยเกษตรกรต่ำกว่า 7% พร้อมอ้าแขนรับยินดีช่วย หนุน 3 มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรรายได้น้อยเผุดไอเดียตั้งกองทุนฯ ดันสตาร์ทอัพเอสเอ็มอีเกษตร
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการดำเนินงานแก่คณะผู้บริหารธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ว่า องค์กรจะต้องลดความเสี่ยงและปรับตัวให้ได้ การปรับโครงสร้างการผลิตของเกษตรกรเป็นสิ่งที่สำคัญ ทำอย่างไรก็ได้เพื่อลดความเสี่ยงในภาคเกษตร ซึ่งอัตราดอกเบี้ยจากการกู้สินเชื่อเป็นต้นทุนอย่างหนึ่ง หากเป็นไปได้ควรมีการลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกจากปัจจุบัน 7%
ทั้งนี้ ในการปฏิรูปการเกษตร ธ.ก.ส.กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จะต้องทำงานร่วมกันหาวิธีที่ช่วยพัฒนาปรับโครงสร้างการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เน้นลดภาระต้นทุนเกษตรกรเพื่อให้เกิดกำไรและแข่งขันบนตลาดสากลได้ ส่วน 3 มาตรการที่ ธ.ก.ส.เสนอเข้ามาเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่มีรายได้น้อยนั้น จะนำเข้าเป็นวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป เพื่อพิจารณาโครงการและงบประมาณที่จะต้องใช้ดำเนินงาน
นอกจากนี้ ตนมองว่าในภาคการเกษตรจะต้องมีการจัดตั้งกองทุนเพื่อระดมทุนสำหรับสตาร์ทอัพเอสเอ็มอีเกษตรกรขึ้นมา เพื่อให้เกิดการลงทุนอย่างมีระบบและตอบโจทย์ความต้องการของตลาด
ด้าน นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าวว่า สำหรับ 3 มาตรการ จำนวน 9 โครงการที่จะช่วยเหลือเกษตรกรรายได้น้อยที่ขึ้นทะเบียนในระบบของ ธ.ก.ส. ได้แก่ 1.มาตรการพัฒนาตนเอง 2.มาตรการพัฒนาอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ และ 3.มาตรการลดภาระหนี้สินทั้งในและนอกระบบ โดยปัจจุบันมีเกษตรกรที่เป็นหนี้จำนวน 3.9 ล้านราย เป็นหนี้นอกระบบประมาณ 440,000 ราย จำนวนหนี้รวมประมาณ 26,000 ล้านบาท ส่วนที่เป็นลูกหนี้ ธ.ก.ส.จำนวน 1.01 ล้านราย มูลค่าหนี้รวมประมาณ 200,000 ล้านบาท โดยมองว่ามาตรการดังกล่าวจะสามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้กว่า 4.2 ล้านราย ทั้งนี้ ธ.ก.ส.จะใช้งบประมาณในการสนับสนุนสินเชื่อตลอดระยะเวลา 3 ปี ในวงเงิน 95,000 ล้านบาท
ส่วนเรื่องที่รองนายกฯ ได้ให้การบ้านไว้ ตนจะเร่งหารือกับกระทรวงเกษตรในการปรับแผนดำเนินงาน และวิเคราะห์ความจำเป็นในการเบิกจ่ายงบประมาณมาสนับสนุน และสำหรับกรณีที่จะให้ลดภาระต้นทุนเกษตรกรด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยลงต่ำกว่า 7% นั้น ปัจจุบัน ธ.ก.ส.ได้มีหลายโครงการที่อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อไม่ถึง 7% แต่ทั้งนี้ก็จะไปวิเคราะห์กันอีกครั้งว่าจะสามารถคัดเลือกออกมาเป็นกลุ่มๆ ได้หรือไม่ อาจใช้วิธีเข้าร่วมโครงการโดยไม่ต้องกู้แทน เพราะปกติอัตราที่ ธ.ก.ส.มีให้เกษตรกรก็ต่ำกว่าธนาคารอื่นอยู่แล้ว
ขณะที่ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ยินดีให้ความช่วยเหลือในกรณีของงบประมาณหากต้องนำมาใช้เร่งด่วนในการปฏิรูป โดยให้ทาง ธ.ก.ส.รวบรวมรายละเอียดแล้วแจ้งเข้ามาว่าจะต้องใช้จำนวนเท่าไร เพื่อโครงการอะไรบ้าง ซึ่งก็อยากจะให้เร่งดำเนินการขอมาเพราะจะได้ทันเวลา ส่วนจะเป็นงบประมาณประจำปี 62 หรือเป็นการขอเบิกงบกลางปีนั้นจะต้องพิจารณาอีกครั้ง.