นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาภายในชุมชนดินแดง ภายหลังจากที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ลงพื้นที่ชุมชนดินแดงเมื่อเร็ว ๆ นี้ การเคหะแห่งชาติได้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาภายในชุมชนดินแดงตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีและ รมว.พม. โดยได้แบ่งพื้นที่ของการแก้ไขปัญหาของชุมชนดินแดงออกเป็น 2 พื้นที่ คือ พื้นที่โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ระยะที่ 1 (อาคารแปลง G) พบว่ามีปัญหาน้ำรั่วซึมภายในอาคาร ซึ่งจะดำเนินการซ่อมแซมตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน 2567 และกำหนดซ่อมแซมให้แล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2567 ในส่วนของผนังห้องที่เกิดเชื้อราจากน้ำรั่วซึม จำนวน 7 ห้อง จะดำเนินการภายในเดือนเมษายน 2567 และจะเปลี่ยนประตูห้องน้ำ
และประตูระเบียงที่ชำรุดทันทีหลังจากช่วงเทศกาลสงกรานต์ ด้านโครงการเคหะชุมชนดินแดง 2 ในเรื่องขยะตกค้างบริเวณอาคารแฟลตที่ 51-53 ปัจจุบันรถขยะสามารถเข้าไปเก็บขยะได้แล้ว และจะจัดประชุมร่วมกับผู้จัดการตลาด/ผู้ค้า/กรรมการชุมชน เพื่อกำหนดมาตรการเข้มข้นในการจัดการทิ้งขยะตามจุดที่ตั้งไว้ ด้านปัญหาที่จอดรถไม่เพียงพอ จากการสร้างเพิงสำหรับจอดรถส่วนตัว ก็จะเร่งดำเนินการรื้อถอนเพิงจอดรถให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม 2567 โดยจะทำความเข้าใจกับผู้อยู่อาศัยในชุมชนทราบว่าทุกคนมีสิทธิใช้พื้นที่ส่วนกลางอย่างเท่าเทียม และสำหรับผนังคอนกรีตที่แตกร้าวบริเวณอาคาร 53 จากการสำรวจพื้นที่ พบว่ามีปัญหาอยู่ 5 จุด การเคหะแห่งชาติจะเร่งซ่อมแซมอาคารเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้อยู่อาศัยภายในเดือนเมษายน 2567 นี้ โดยจะดำเนินการสำรวจและประเมินแนวทางแก้ไขออกเป็น 2 แนวทาง คือ การฉาบผิวใหม่และการสกัดปูนซีเมนต์ที่ร่อนออกเพื่อป้องกันการหลุดร่วงของชิ้นปูนที่เสื่อมสภาพ
“การเคหะแห่งชาติขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนชาวดินแดง ลงมาดูพื้นที่และรับฟังปัญหาด้วยตนเอง ซึ่งการเคหะแห่งชาติก็มิได้นิ่งนอนใจ ได้มีการประชุมกับผู้ที่เกี่ยวข้องถึงการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนให้จบภายใน 3 เดือน พร้อมถอดบทเรียนเพื่อลดความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต รวมถึงจะพูดคุยกับผู้นำชุมชนที่เป็นตัวแทนของชาวดินแดงให้บ่อยขึ้น เพื่อให้เกิดการสื่อสารที่จะนำไปสู่การสร้างความเข้าใจที่ตรงกัน รวมถึงจะช่วยให้สามารถรับรู้ถึงปัญหาและแก้ไขได้อย่างตรงจุดอีกด้วย” นายทวีพงษ์ กล่าวย้ำ