ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
ท้องถิ่นไทย ย้อนกลับ
อุบลฯ ทำความดีต้องชื่นชมน.ศ.เก็บเงินก้อนโตในถังขยะส่งคืนเจ้าของ
06 พ.ค. 2567

            ผู้สื่อข่าวรายงานในโลโซเชียลมีการโพสต์ภาพเยาวชนหญิง  3 คน ส่งมอบเงินสดจำนวนมากคืนให้เจ้าของซึ่งเป็นหญิงอายุ 66 ปี โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นสักขีพยานในการส่งมอบ ซึ่งเรื่องราวและภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปทำให้ชาวเน็ตแสดงความคิดเห็นชื่นชมในความซื่อสัตย์ของเยาวชนทั้ง 3 คน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบเยาวชนทั้ง 3 คน ที่บ้านพักในเขตตำบลขามใหญ่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี พบ นางสาวรัตนาวลี (นุ่น) สัตย์ธรรม  อายุ 21 ปี นักศึกษามาหวิทยาลัยอุบลราชธานี คณะวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์และการสาธารณสุข สาขาอนามัยและสิ่งแวดล้อม และ หลานสาวฝาแฝด ด.ญ.ปรีญาพัฒน์ กองสุข และ ด.ญ.พีชญาพัฒน์ กองสุข อายุ 8 ปี นักเรียนชั้น ป.3 โรงเรียนเทศบาล 2 หนองบัว นั่งอยู่ในบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านรับซ่อมรถจักรยานยนต์ และจำหน่ายรถจักรยานยนต์มือ 2 สอบถามน้องนุ่นเล่าว่า เมื่อวาน(4พ.ค.) ตนเองและลานสาวทั้ง 2 คนออกไปเดินซื้อเสื้อผ้ามือสองที่ตลาดนิกร  พอดีตนซื้อของกินกันแล้วมีขยะก็เลยจะไปทิ้งในถังขยะ   พอไปอยู่หน้าถังขยะตนเห็นเงินก้อนตอนแรกไม่แน่ใจว่าใช่เงินจริงไหม  หรือว่าเงินผิดกฎหมายจึงได้เรียกพ่อค้าแถวนั้นมาดูพอตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นเงินจริงตนจึงหยิบขึ้นมา  ก่อนหยิบขึ้นมาก็ถ่ายคลิปป้องกันไว้เผื่อมีเหตุการณ์อะไรจากนั้นโทรแจ้งความเอาไว้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ด้านตำรวจบอกว่าให้ตนนำเงินเข้าไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ  ตนกับหลานก็เลยไปแจ้งความเมื่อถึงสถานีตำรวจก็มีเจ้าของเงินรออยู่ที่สถานีตำรวจอยู่แล้ว  พอเปิดเข้าไปคุณป้าเจ้าของเงินก็ดีใจวิ่งเข้ามากอด  ป้าบอกว่าขอบคุณมากเงินก้อนนี้เขาเพิ่งกดมาแล้วมันสำคัญมาก   เพราะว่าเป็นเงินที่เขาจะเอาไปเตรียมงาแต่งงานลูกป้ายังบอกอีกว่าก่อนหน้านี้เขาก็เพิ่งโดนโกงมาพอได้พูดคุยกันนิดหน่อยป้าให้รางวัล 1,000 บาท ก็ถ่ายรูปร่วมกัน น้องนุ่นยังบอกอีกว่าตนเองรู้สึกดีใจที่ได้คืนเงินให้กับเข้าของมันมีความสุขมากอย่างบอกไม่ถูก ความสุขของการเอาเงินไปใช้ กับ ความสุขที่ได้คืนเจ้าของมันไม่เหมือนกัน   เป็นอะไรที่บอกไม่ถูกตอนที่ตนกับหลานตอนเราคืนให้เจ้าของเสร็จแล้วไปนั่งกินข้าวกันตนรู้สึกดีมาก  ตนเองกับหลานก็ยิ้มอยู่ตลอดรู้สึกแบบภูมิใจ  ดีใจในใจมาก ขณะที่หลานสาว 2 คนก็รู้สึกตื่นเต้นเมื่อเจอเงินจำนวนขนาดนี้แต่ทั้งสองคนเองก็ไม่คิดอยากได้เอาไปซื้อขนมบอกให้เอาไปแจ้งความคืนให้กับเจ้าของเพราะมันไม่ใช่ของตนเอง ด้าน นางสาว ลดาวัลย์ กาญจนาลักษณ์ อายุ 45 ปี น้าสาวที่เลี้ยงน้องนุ่นมาตั้งแต่คุณแม่น้องเสียตอนอายุ 7 ขวบ  เปิดเผยว่า วันที่พบเงินน้องนุ่นถ่ายรูปเงินในถังขยะลงมาในกลุ่มแล้วบอกว่าจะไปแจ้งความเพราะเก็บเงินได้ 20,000 บาท ตอนแรกตนก็มีการคุยเล่นๆกัน  เพราะไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริงคิดว่าน้องนุ่นอำเล่นเพิ่งออกจากบ้านไปไม่ถึง 20 นาที แต่พอเอาลงโซเชียลแล้วตนก็ภูมิใจในหลานสาวคนนี้ เพราะน้องนุ่นเป็นเด็กดี ขยัน เรียนเก่งไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้ครอบครัว การที่น้องเป็นคนดีซื่อสัตย์นี้เป็นเพราะตัวน้องเองน้องทำเองไม่ต้องมีใครสอน นางพิศสมัย  เดชภูมี  อายุ 66 ปี อดีตข้าราชการครูเจ้าของเงินเล่าว่า เมื่อวานตนเองไปกดเงินมาจำนวน 20,000 บาท เพื่อไปซื้อของที่ตลาดผ้ามือสองนิกรธานี เตรียมจัดงานแต่งงานของลูกชายวันที่ 17 พ.ค.นี้  ตอนนั้นในมือก็จะมีของกินมีขยะ มีเงินอยู่ในมือ    ตนตั้งใจจะทิ้งขยะแต่กลับทิ้งเงินลงไปในถังขยะแล้วเอาขยะใส่กระเป๋า   โดยที่ไม่รู้ตัวประมาณ 15 นาที ตนได้ยินพ่อค้าแม่ค้าพูดกันเรื่องมีคนเอาเงินมาทิ้งในถังขยะจำนวน 20,000 บาท ตนเกิดสงสัยจึงได้กลับไปดูเงินที่รถปรากฏว่าในกระเป๋าเป็นขยะไม่ใช่เงิน เมื่อสอบถามพ่อค้าใกล้เคียงทราบว่าคนที่เจอเงินกำลังจะไปแจ้งความที่ สภ.เมืองอุบลราชธานี ตนจึงได้รีบขับรถไปรอที่ สภ.เมืองอุบลราชธานี ประมาณ 20 นาที น้องนุ่นก็เดินเข้ามาพร้อมกับถุงใส่เงินตนมั่นใจว่าจะเป็นเงินของตนจึงได้เข้าไปกอดแล้วได้มีการพูดคุยกันจากนั้นก็ให้รางวัลน้ำใจ 1,000 บาท พร้อมทั้งขอเบอร์ติดต่อเอาไว้หากมีมากกว่านี้จะส่งไปให้อีก นางพิศสมัย ยังกล่าวอีกว่าถือว่าเป็นบุญที่เคยทำเมื่อเมื่อปี 2540 ตนเคยเก็บเงินได้ 8,500 บาท ตอนนั้นมีบัตรประชาชนอยู่ตนเองจึงได้นำไปตามคืนพอถึงคราวของเราทำหายก็เจอคนดีๆแบบน้องนุ่นส่งคืนถ้าไม่ได้เงินก้อนนี้คืนตนก็คงลำบากเหมือนกัน ทั้งนี้อยากจะขอบคุณครอบครัว สถาบันการศึกษาและอธิการมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ช่วยชมเชยเชิดชูเยาวชน หรือมอบเกียรติบัตร ให้กับลูกที่มีความซื่อสัตย์จะได้เป็นขวัญกำลังใจให้ทำความดีต่อไป

 

 

 

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 31 พฤษภาคม 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...