ลุงวัย 68 ปีร่ำไห้เหมือนได้เกิดใหม่หลังกว่า 40 ปีไร้บัตรประชาชนเหตุถูกคัดออกไปอยู่ทะเบียนกลางไม่ได้รับสิทธิ์เหมือนคนอื่น เผยชีวิตย่ำแย่รับจ้างกินไปวันๆร้องขอเจ้าหน้าที่ปกครองตามเรื่องมาโดยตลอดเกือบสิ้นหวัง สุดท้ายตัดสินใจยืนเฝ้าบรรไดขอพบนายอำเภอไม่กี่วันได้สวัสดิการคนไทยครบ
เมื่อวันที่ พ.ค.2567 เวลา 15.00 น.ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 177 ม.21 ต.โกสัมพี อ.โกสัมพีนคร จ.กำแพงเพชร หลังทราบว่านายบุญชู ศิริมธุรส คุณลุงวัย 68 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวกับภรรยาคือนางต้อย อินพรม อายุ 69 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านและยังเป็นผู้พิการหลังค่อม กล้ามเนื้ออ่อนแรง โดยตัวของนายบุญชูนั้นทราบว่าก่อนหน้านี้ ไม่มีบัตรประจำตัวประชาชนมากกว่า 40 ปีแล้วโดยก่อนหน้านั้นถูกคัดชื่อออกจากทะเบียนบ้านซึ่งอาศัยอยู่กับญาติที่จังหวัดอุดรธานี เนื่องจากว่าคุณลุงได้ออกจากภูมิลำเนาที่จังหวัดอุดรอุดรธานีมาทำงานที่จังหวัด บุรีรัมย์ต่อเนื่องมายังจังหวัด พิษณุโลก และต่อมาไดเดินทางมาอาศัยและมีครอบครัวอยู่ที่จังหวัดกำแพงเพชร จนถึงปัจจุบัน จึงไม่ได้กลับภูมิลำเนาเป็นเวลาเนิ่นนานประกอบกับมีเรื่องกระทบกระทั่งกับผู้ที่เป็นเจ้าของบ้านซึ่งเป็นมีศักดิ์เป็นอา จึงได้ถูกเจ้าของบ้านคัดชื่อออกจากทะเบียนบ้านส่งผลให้ชื่อของคุณลุงบุญชูถูกจำหน่ายไปอยู่ที่ทะเบียนบ้านกลาง ซึ่งอยู่ที่บ้านเลขที่ 10 ถนนพญาไท แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2525 ซึ่งตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาเป็นเวลากว่า 40 ปี นายบุญชู ศิริมธุรส (ลุงบุญชู) ก็ไม่ได้เดินเรื่องทำบัตรประจำตัวประชาชนแต่อย่างใดเนื่องจาก มีภาวะร่างกายที่ไม่แข็งแรงมีโรคประจำตัว ประกอบกับไม่สามารถจะเดินเรื่องราวเหล่านี้ได้
ทั้งนี้ หลังจากลุงบุญชู ได้ย้ายเข้ามาที่จังหวัดกำแพงเพชร เมื่อหลายปีก่อน ได้เดินทางไปปรึกษาและร้องขอให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอโกสัมพีนคร ดำเนินการเดินเรื่องในการทำบัตรประจำตัวประชาชนให้ โดยที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ได้กล่าวชี้แจงว่า ต้องเดินเรื่องและทำเรื่องหลายขั้นตอนเนื่องจากต้องพิสูจน์ทราบ และตรวจสอบดูที่มาที่ไปของบุคคลให้ชัดเจน ซึ่งเป็นเรื่องที่สลับซับซ้อน และได้แจ้งกับคุณลุงบุญชูว่า ให้เดินเรื่องด้วยตนเอง ซึ่งเบื้องต้นน่าจะไปหลายที่ รวมไปถึง ต้องไปติดต่อตรวจสอบทะเบียนบ้านกลาง ซึ่งอยู่บ้านเลขที่ 10 ถนนพญาไท แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ เพราะหากมีการนำชื่อออกทะเบียนบ้านที่เป็นภูมิลำเนาแล้วยังไม่มีการนำเอาชื่อเข้าที่ใดถือว่า ชื่อที่ตกหล่นทางฝ่ายปกครองก็จะนำเอาชื่อนั้นเข้าไปสู่ทะเบียนบ้านกลาง โดยลุงบุญชู ไม่สามารถที่จะเดินเรื่องดังกล่าวได้ด้วยตนเองด้วยเหตุผลหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นความรู้ความสามารถ ไม่มีค่าใช้จ่ายและที่สำคัญสุขภาพร่างกายไม่ดี ยอมรับที่ผ่านมาได้ไปร้องขอในเรื่องดังกล่าวต่อนายทะเบียนอำเภอ จนเปลี่ยนนายอำเภอไปกว่า 10 คนแล้วก็ได้รับคำตอบคำชี้แจงเช่นเดิม ซึ่งตนไม่สามารถทำตามที่เจ้าหน้าที่บอกได้
อย่างไรก็ตาม ต่อมาเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมานายบุญชู ได้ตัดสินใจเดินทางไปพบกับ นางสาวกุลธิดา พยา นายอำเภอโกสัมพีนคร ซึ่งเป็นนายอำเภอที่เพิ่งจะมารับตำแหน่งใหม่ ในพื้นที่ดังกล่าวเพื่อปรึกษาหารือถึงปัญหาที่ตนไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน โดยละเอียด ในเบื้องต้นนางสาวกุลธิดา รับปากว่าจะช่วยตรวจสอบและจะดำเนินการให้โดยเร็วที่สุด ซึ่งตอนนั้นรู้สึกรู้สึกดีใจมาก แต่ก็ไม่มั่นใจว่าทางนายอำเภอคนนี้จะทำให้ตนได้หรือไม่เพราะที่ผ่านมาความหวังตนแทบไม่มีเลยแต่ก็มีความหวังอยู่ลึกๆ ว่าคงจะได้รับความช่วยเหลือจนประสบความสำเร็จ ก็เป็นจริงอย่างที่คิดนายอำเภอคนนี้ทำได้สำเร็จจริงๆหลังจากตนเองไร้หนทางมากกว่า 40 ปี ซึ่งตนรู้สึกดีใจมากจนถึงกลับร่ำไห้ทุกครั้งที่พูดถึงการช่วยเหลือของนายอำเภอหญิงท่านนี้
โดยเมื่อวันที่ 3 พ.ค.2567 ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่อำเภอโกสัมพีนคร ได้ประสานให้ลุงบุญชู ศิริมธุรส ให้เดินทางไปพบกับงานกลุ่มทะเบียนและบัตรบัตรประจำตัวประชาชนโดยทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งกับนายบุญชูว่าทาง อำเภอโกสัมพีนคร ได้ทำเรื่อง ขอคืนรายการที่ถูกจำหน่ายชื่อจากทะเบียนบ้าน และถูกนำเข้าทะเบียนบ้านกลาง 10 ถนนพญาไท แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี และสำนักทะเบียนท้องถิ่นเขตราชเทวี แล้ว โดยทางอำเภอได้ทำหนังสือแจ้งสำนักทะเบียนที่เกี่ยวข้องหลายสำนักทะเบียนในการสอบสวนข้อเท็จจริงบุคคลที่น่าเชื่อถือในขณะนี้นายบุญชู ศิริมธุรสสามารถที่จะทำบัตรประจำตัวประชาชนได้แล้ว ซึ่งนายบุญชู ฟังแล้ว รู้สึกขอบคุณและดีใจ จนร่ำให้ออกมา ต่อหน้าเจ้าหน้าที่นายทะเบียนอำเภอโกสัมพีนคร พร้อมทั้งได้กล่าวขอบคุณนางสาว กุลธิดา พยา นายอำเภอโกสัมพีนคร ที่ทำเรื่องทั้งหมดของตนได้สำเร็จในวันนี้
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ จึงได้ลงมือจัดทำบัตรประจำตัวประชาชน ให้กับนายบุญชู ศิริมธุรส โดยมีนางสาวกุลธิดา พยา เดินลงจากห้องทำงานให้กำลังใจ และกล่าวแสดงความยินดีกับนายบุญชู ณ จุดทำบัตรประจำตัวประชาชน ท่ามกลางความ ยินดีของเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะ นายบุญชูนั้นได้ยกมือไหว้กล่าวขอบคุณพร้อมร่ำไห้ ด้วยความ ปลื้มปิติที่ตนมีวันนี้เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ เพราะที่ผ่านมาชีวิตตนเองย่ำแย่มาก
(สัมฯ) นายบุญชู ศิริมธุรส เผยกับผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตาว่า“ เมื่อก่อนตนอาศัยอยู่กับผู้เป็นอา โดยขายของอยู่ที่จังหวัดอุดรธานี ต่อมามีเรื่องกระทบกระทั่งกัน ตนจึงออกมาจากจังหวัดอุดรธานี ต่อมาตนได้เดินทางกลับมายังจังหวัดอุดรอีกครั้ง จึงทราบว่าชื่อตน ถูกคัดออกจากทะเบียนบ้านของอา ซึ่งจากนั้นมาตนก็ไม่มีบัตรเลย จนเลยตัดสินใจขึ้นไปทำงานทางภาคเหนือ มาทางจังหวัดพิษณุโลกและมาอยู่ที่นี่คือกำแพงเพชรซึ่งก่อนหน้านี้ตนไม่ได้ไปร้องขอ ทำเรื่องเอกสารอะไรที่จังหวัดอุดรธานีเลย ที่ผ่านมากว่า 40 ปีตนไม่ได้รับสวัสดิการอะไรจากทางรัฐบาลเลย ยอมรับว่าตั้งแต่ อยู่อำเภอโกสัมพีนครมาตนเข้าไปร้องขอคำปรึกษาเพื่อที่จะทำบัตรประจำตัวประชาชนกับเจ้าหน้าที่หลายครั้ง ผ่านนายอำเภอมาหลายคน ได้รับคำชี้แจงว่า ตอนนี้ตนยังทำอะไรไม่ได้และแนะนำมาให้ตนไปเดินเรื่องหลายพื้นที่ รวมถึงที่พญาไท กรุงเทพฯด้วย ซึ่งตนไม่สามารถไปทำเรื่องราวดังกล่าวได้ ด้วยปัจจัยหลายๆ นอกจากนี้ยังได้กล่าวขอบคุณไปยังนางสาวกุลธิดา พยา นายอำเภอโกสัมพีนคร ที่ทำให้ตนเกิดมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง(สะอื้น)
ต่อมาวันนี้( 8 พ.ค.67) นางสาวกุลธิดา พยา นายอำเภอโกสัมพีนคร ได้สั่งการให้อำนวยความสะดวกกับคุณลุงบุญชู เดินทางไปขึ้นทะเบียนผู้สูงอายุยังที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลโกสัมพี โดยมีนายบุญชุบ อ้นศรี นายก อบต.โกสัมพี อำนวยความสะดวกในการดำเนินงานโดยในเดือนมิถุนาที่จะถึงนี้ คุณลุงบุญชูจะได้รับเบี้ย ผู้สูงอายุเป็นเดือนแรกคือ 600 บาทนั่นเอง บรรยากาศเต็มไปด้วยความปลื้มปิติยินดีสีหน้าของคุณลุงบุญชูสดชื่นแจ่มใส ตลอดเวลามีน้ำตาคลอเบ้าพร้อมกล่าวขอบคุณทุกหน่วยงาน ที่ช่วยเหลือตนจนมีวันนี้
(สัมฯ) นางสาวกุลธิดา พยา นายอำเภอโกสัมพีนคร กล่าวเปิดเผยว่า” สำหรับผู้ลุงบุญชูนั้นหลังจากที่ตนมารับตำแหน่งนายอำเภอได้ประมาณ 1 เดือน ได้พบกับลุงบุญชูมารอพบตนที่อำเภอทางขึ้นบันได ซึ่งคุณลุงได้แจ้งว่าไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน ตนจึงนำคุณลุงไปยังห้องทะเบียน เพื่อไปตรวจเช็คในฐานข้อมูลทะเบียน ซึ่งก็พบข้อมูลว่าคุณลุงถูกคัดรายชื่อออกทะเบียนบ้านเมื่อปี 2547 ตนจึงได้สอบถามถึงที่มาที่ไปของคุณลุงซึ่งคุณลุงก็ได้กล่าวอ้างถึงบุคคลหลายคน ทั้งที่ฉะเชิงเทราและอุดรธานีจากนั้นทางอำเภอได้ตรวจเช็คว่า ใช่คุณลุงหรือไม่จากนั้นได้ปริ้น ใบหน้าของที่คุณลุงคุณชูได้กล่าวอ้างซึ่งในเบื้องต้นคุณลุงสามารถชี้ชัดว่าเป็นบุคคลที่ คุณลุงกล่าวอ้างจริงๆซึ่งทางเราเชื่อว่า คุณลุงบุญชูเป็นบุคคลที่ถูกคัดชื่อออกจากทะเบียนบ้านจริงๆ จึงปรึกษากับทางหัวหน้ากลุ่มทะเบียนซึ่งจะต้องประสานงานขอคืนรายการ ไปยังสำนักงานทะเบียนพญาไท ที่คุณลุงถูกจำหน่ายชื่อ แต่ด้วยคุณลุงถูกจำกัดด้วยในเรื่องของทางการเงินและสุขภาพ คุณลุงไม่มีโอกาสที่จะได้ไปพญาไทอย่างแน่นอน ทางสำนักทะเบียนโกสัมพีนครจึงได้จัดทำหนังสือ สอบถามไปยังพี่น้องร่วมบิดา มารดาของคุณลุงที่อยู่จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งคุณลุงก็ไม่ได้ติดต่อกัน และไปที่จังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นคนที่คุณลุงพักอาศัยอยู่ ทราบว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน จึงได้ร้องขอให้ทางสำนักทะเบียนของจังหวัดอุดรส่งหนังสือมาซึ่งมีข้อมูลที่ตรงกัน จึงเป็นการยืนยันได้อย่างชัดเจนว่าคุณลุงเป็นบุคคลที่ถูกจำหน่ายชื่อออกจริงๆ จากนั้นตนจึงได้ทำหนังสือไปยังสำนักงานที่พญาไทโดยได้แนบเอกสารเป็นพยานหลักฐานต่างไปด้วย ซึ่งสำนักงานทะเบียนที่พญาไทได้ทำเรื่องคืนรายการให้กับคุณลุงโดยอ้างถึงหนังสือสั่งการ ซึ่งในนั้นจะมีสาระระบุว่าคุณลุงบุญชูไม่ต้องเดินทางไปที่สำนักงานพญาไทก็ได้ แต่จะต้องให้ทางสำนักทะเบียนที่คุณลุงอยู่ก็คือที่โกสัมพีนครได้สอบพยานบุคคล พยานบุคคลส่งไปให้ ซึ่งต่อมาทางสำนักงานพญาไทได้คืนรายการให้กับคุณลุงจากนั้นจึงจึงได้นำคุณลุงมาทำบัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งทั้งหมดเป็นเหตุที่ทำให้คุณลุงได้ทำบัตรประจำตัวประชาชนในวันนี้นั่นเอง“
ข่าวจาก นันทวัฒน์ อินทร์ศรี จ.กำแพงเพชร (097-3699459)