นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังกิจกรรมผู้ว่าฯ สัญจร (รอบ 2) เขตวังทองหลางว่า สำหรับในช่วงบ่ายที่มีการพบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะมีการพูดคุยถึงการบูรณาการร่วมกันในการป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพฯ

ยกตัวอย่างจุดที่กังวล เช่น ถนนวิภาวดีรังสิต ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวง (ทล.) หรือพื้นที่ระหว่างจังหวัด ซึ่งต้องมีการขอความร่วมมือ ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (24 พ.ค. 67) ทางคณะผู้บริหาร กทม. ได้เข้าพบนายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้มีการพูดคุยแจ้งปัญหาต่างๆกับท่าน เพราะท่านเป็นผู้กำกับดูแล กทม.

”นอกจากนั้นแล้วยังมีเรื่องของการก่อสร้างต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ในโครงการรับผิดชอบของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การประปานครหลวง (กปน.) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ทล. คงต้องมีการประสานงานอย่างแนบแน่นมากขึ้น เพื่อลดปัญหาที่กระทบต่อพี่น้องประชาชน โดยมีตัวอย่างที่มีประชาชนตกลงไปในท่อจนเสียชีวิติ ที่ต้องมีการบูรณาการให้ละเอียดมากขึ้น“ นายชัชชาติกล่าว

นายชัชชาติกล่าวว่า สำหรับการลงพื้นที่สัญจรเขตวังทองหลาง เป็นเขตที่สำคัญ เพราะเป็นจุดเปลี่ยนถ่ายจากเมืองชั้นในมาสู่เมืองชั้นนอก ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ 100,000 กว่าคน อาศัยอยู่ในหมู่บ้านและคอนโด ปัญหาหลักที่เจอคือเรื่องน้ำท่วม ซึ่งได้ไล่ดูการแก้ปัญหาในจุดต่างๆ เช่น ถนนศรีวรา มีการทำท่อระบายน้ำใหม่ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำลงคลอง ต่อมาถนนอินทราภรณ์ บริเวณโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) มีการยกระดับถนนและทำท่อระบายน้ำใหม่ ซึ่งใกล้แล้วเสร็จ ต่อมาซอยรามคำแหง 21 อยู่ระหว่างผู้รับเหมาเข้าพื้นที่ดำเนินการก่อสร้างต่อไป

“ตอนเข้ามาเป็นผู้ว่าฯ ช่วงแรก ไปดูพื้นที่น้ำท่วมในซอยประชาสุข แล้วได้พบพี่วินมอเตอร์ไซค์ตะโกนด่าว่า เฮ้ย น้ำท่วมลาดพร้าว 64 ทำไมไม่ไปดูบ้าง เราก็รีบขับรถมาดูเลย ก็เห็นว่าเป็นปัญหาจริงๆ ซึ่งได้มีการรีบทำโครงการเปลี่ยนท่อระบายน้ำ ยกระดับถนน จะเห็นได้ว่าทั้งซอยลาดพร้าว 64 ซอยลาดพร้าว 64 แยก 4 ดำเนินการก่อสร้างไปแล้วกว่า 70% ซึ่งใกล้แล้วเสร็จ เชื่อว่าเรื่องการป้องกันน้ำท่วมจะดีมากขึ้น” นายชัชชาติกล่าว

นายชัชชาติกล่าวว่า ต่อมาเรื่องไฟแสงสว่างในซอยลาดพร้าว 64 ก็มีการเปลี่ยนเป็นหลอดไฟ LED หมดแล้ว และในลาดพร้าวซอยอื่นๆ ส่วนเรื่องการเก็บขยะสองครั้งต่อสัปดาห์ ทางเขตวังทองหลางก็ทำได้ 100%

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องงบพัฒนาชุมชนเข็มแข็ง ชุมชนละ 200,000 บาท โดยที่ชุมชนต้องการพัฒนาอะไรก็นำเงินส่วนนี้ไปทำได้ เช่น การลอกท่อ ติดกล้อง CCTV หรือการจัดซื้ออุปกรณ์ต่างๆ เป็นการใช้เงินภาษีตอบโจทย์กับความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง และประชาชนช่วยกันตรวจสอบ โดยมีประโยชน์ให้ชุมชนมีความเข้มแข็งรวมกลุ่มกัน

นอกจากนี้ จะมีการก่อสร้างศูนย์บริการสาธารณสุขแห่งใหม่บริเวณชุมชนรุ่งมณีพัฒนา ซึ่ง กทม.ได้เช่าที่ดินจากสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ รวมถึงมีการปรับปรุงศูนย์เด็กเล็กต่างๆในพื้นที่

“มีการเดินหน้าพัฒนากรุงเทพฯ ทุกมิติตามนโยบายที่ให้ไว้ โดยความก้าวหน้าก็เป็นไปได้อย่างดี เสียงตอบรับจากประชาชนก็สะท้อนมาเป็นทางบวก แต่คงไม่ได้ไม่หมายความว่าเราทำดีแล้ว แต่เราก็จะเดินหน้าต่อตอบโจทย์ประชาชนให้มากขึ้น” นายชัชชาติกล่าว