“สมาคมเพื่อนชุมชน” จับมือ เทศบาลเมืองมาบตาพุด จังหวัดระยอง จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ “การรณรงค์การใช้ถังดักไขมันในครัวเรือน” ส่งเสริมบทบาทและการมีส่วนร่วมผ่านการสร้างองค์ความรู้และวิธีการบำบัดน้ำเสียก่อนปล่อยลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ
นายอนุลักษณ์ ถนอมสิทธิกุล ผู้จัดการสมาคมเพื่อนชุมชน กล่าวว่า ในปีนี้ สมาคมเพื่อนชุมชน ร่วมกับ เทศบาลเมืองมาบตาพุด จังหวัดระยอง จัดอบรมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อ “การรณรงค์การใช้ถังดักไขมันในครัวเรือน” ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนบูรณาการคลองน้ำหูของสมาคมฯ ที่ได้ดำเนินการขับเคลื่อนติดตามคุณภาพน้ำคลองสาธารณะอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังเป็นโครงการสืบเนื่องมาจากการลงนามความร่วมมือ (MoU) ร่วมกันระหว่าง สมาคมเพื่อนชุมชนกับทุกภาคส่ว สำหรับกิจกรรมดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการจัดการน้ำเสียจากชุมชนก่อนปล่อยลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ ซึ่งเป็นการเสริมสร้างจิตสำนึก พร้อมให้ความรู้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้แก่ ผู้นำชุมชน ประชาชน ผู้ประกอบการร้านค้าและร้านอาหารในพื้นที่คลองน้ำหู รวมถึงพื้นที่ข้างเคียง ให้เข้าใจและรับรู้ถึงวิธีการบำบัดน้ำเสียในครัวเรือน โดยใช้ถังดักไขมัน ประโยชน์ของถังดักไขมัน การบริหารจัดการถังดักไขมันในชุมชนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ทั้งนี้ ยังเป็นการเสริมสร้างบทบาทหน้าที่ของคนในชุมชน ในการเข้ามามีส่วนร่วมการจัดการน้ำเสียและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม พร้อมช่วยกันปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้ดีขึ้น ลดปัญหามลพิษทางน้ำ โดยภายในงานยังได้จัดกิจกรรมสาธิตการประดิษฐ์และติดตั้งถังดักไขมันอย่างง่าย เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับผู้เข้ารับการอบรม ณ ที่ทำการชุมชนหนองบัวแดง โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมอบรม รวม 70 คน
สมาคมฯ ต้องการเห็นทุกครัวเรือน ช่วยกันกำจัดคราบไขมันและเศษอาหารในครัวเรือนก่อนปล่อยลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ หากทุกคนสามารถปฏิบัติได้จะช่วยลดปัญหามลพิษทางน้ำ ทั้งเป็นการช่วยอนุรักษ์คลองน้ำหู และแหล่งน้ำสาธารณะในพื้นที่ได้อย่างยั่งยืนต่อไป” นายอนุลักษณ์ กล่าว
สำหรับโครงการ “บูรณาการจัดการปัญหาคุณภาพแหล่งน้ำสาธารณะ พื้นที่เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง” เป็นหนึ่งในโครงการที่จังหวัดระยองได้คัดเลือกเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ หรือ 72 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 นี้ โดยสมาคมฯ และภาคีเครือข่าย ร่วมดำเนินการอย่างเร่งด่วน และต่อเนื่อง เพื่อ “บ้านเราน่าอยู่ สังคมยั่งยืน”