นายกสมาคมผู้ประกอบการขนส่งแหลมฉบังชลบุรี จวกกรมทางหลวงปิดทางเข้าออกมอเตอร์เวย์สาย 7 กรุงเทพฯ-พัทยา ทำเดือดร้อนไปทั่ว ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้าน ผู้ประกอบการขนส่ง ขณะที่ภาคท่องเที่ยวกำลังทรุด เผยปิดทางไม่ถึงเดือน ภาคขนส่งเสียหายแล้วกว่าพันล้านบาท
ทั้งนี้ต่อสถานการณ์ดังกล่าว ได้รับการเปิดเผยจาก นางสุนีย์ ภูติวณิชย์ นายกสมาคมผู้ประกอบการขนส่งแหลมฉบังชลบุรี ว่า จากการปืดทางเข้าออกถนนมอเตอร์เวย์ สาย 7 กรุงเทพฯ-พัทยา ช่วงชลบุรี-พัทยา ของกรมทางหลวง จำนวน 22 จุด ระยะทาง 22 กิโลเมตร นั้น ได้สร้างความเดือดร้อน ให้กับชาวบ้านใน อ.ศรีราชา อย่างหนัก โดยการจราจรจะติดขัดมากบริเวณทางคู่ขนานทั้ง 2 ฝั่งที่ไม่สามารถข้ามไปมาหากันได้ นอกจากนนั้น การปิดกั้นทางเข้าออกถนนมอเตอร์เวย์ ยังทำให้รถบรรทุกสินค้า และรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ที่ไม่สามารถวิ่งขึ้นถนนมอเตอร์เวย์ได้ ต้องหันมาใช้ทางคู่ขนานจนทำให้สภาพถนน 2 เลน แออัดไปด้วยจำนวนรถยนต์ และรถขนส่งสินค้า
“การจราจรแต่ละช่วงต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้น รวมแล้วไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมง ซึ่งรถบรรทุกสินค้า 1 คัน ถ้าติดเครื่องแล้วจอดอยู่เฉยๆ เป็นเวลา 2 ชั่วโมง จะสูญเสียพลังงานประมาณ 3-4 ลิตร และเมื่อต้องวิ่งไปกลับทำให้ต้องเสียเวลา 4-5 ชั่วโมง จะเผาผลาญพลังงานวันละไม่น้อยกว่า 20 ลิตรต่อคัน และขณะนี้สมาคมฯ มีสมาชิกกว่า 100 บริษัท รวมรถบรรทุกกว่า 1,000 คัน คิดดูว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นมหาศาลมากเพียงใด หากคำณวนคร่าวๆ ก็น่าจะไม่ต่ำกว่าพันล้านบาทต่อวัน และเมื่อนักลงทุนมาเห็นสภาพเช่นนี้ ใครจะกล้าเข้ามาลงทุน สุดท้ายก็อาจย้ายฐานไปประเทศอื่นแทน”
ส่วนผลกระทบที่เกิดต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการเกิดขึ้นของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC ในพื้นที่ 3 จังหวัด คือ แนวโน้มการย้ายฐานลงทุนของผู้ประกอบการต่างชาติเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหารถติดมีสูงมาก จากปัญหาการปิดทางเข้าออกถนนมอเตอร์เวย์ ซึ่งทำให้การขนส่งสินค้าล่าช้า ซึ่งแต่เดิมผู้ประกอบการเคยวิ่งรถขนส่งสินค้าได้วันละ 2-3 เที่ยว แต่ทุกวันนี้กลับวิ่งรถขนส่งสินค้าได้เพียงเที่ยวเดียว บางครั้งเกือบวิ่งส่งคืนตู้สินค้าไม่ทัน
นางสุนีย์ ยังกล่าวถึงกรมทางหลวงด้วยว่า คิดเพียงแค่ว่าการจัดทำถนนมอเตอร์เวย์ จะทำให้การขนส่งสินค้าดีขึ้น และผู้ประกอบการสามารถทำจำนวนเที่ยวได้เพิ่มมากขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่กรมทางหลวง บริหารจัดการไม่เกิดผล กลับทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถเข้าใช้ถนนมอเตอร์เวย์ได้ เนื่องจากไม่มีเส้นทางเข้าออก ทั้งยังเปิดจุดให้เข้าออกเพียงจุดเดียว คือ ด่านหนองขาม ซึ่งไม่สะดวก และไกล ทำให้ผู้ประกอบการที่เคยทำรายได้จากการวิ่งส่งสินค้าต่อเที่ยวประมาณวันละ 10,000 บาท ลดเหลือเพียง 3,000-4,000 บาท เพราะเสียเวลา และค่าใช้จ่าย จนเริ่มประสบปัญหารายได้ไม่พอจ่ายค่าแรงลูกจ้าง
เช่นเดียวกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั้งในพื้นที่ศรีราชา และเมืองพัทยา ที่ขณะนี้ได้รับความเดือดร้อนถ้วนหน้าจากปัญหารถบัสนำเที่ยวไม่สามารถเข้าสถานที่ท่องเที่ยวได้ สุดท้าย บริษัทนำเที่ยวก็จำเป็นต้องหาแหล่งท่องเที่ยวอื่นที่อาจไม่ใช่พัทยา หรือศรีราชา แต่จะย้ายจำนวนนักท่องเที่ยวไปยังจังหวัดอื่นๆ แทน
โดยสิ่งที่สมาคมฯ เรียกร้องให้กรมทางหลวง เร่งแก้ไขโดยด่วน คือ 1.ให้เปิดช่องทางเข้าออกมอเตอร์เวย์สู่เส้นทางคู่ขนานเพื่อระบายรถให้ลื่นไหล 2.ด่านเก็บเงินหนองขาม บริเวณถนนอินโดจีน ให้ย้ายไปอยู่บนถนนมอเตอร์เวย์ หรือยกเลิกไป หรือหากต้องการจะเก็บเงินให้เก็บตั้งแต่ด่านบางพระ และปล่อยช่วงเข้าออกให้เป็นเส้นทางฟรีเวย์ เนื่องจากเป็นเขตอุตสาหกรรม เพื่อให้การสัญจรผ่านไปมาได้สะดวกขึ้น