"นิกร" เชื่อ สภาฯ รับหลักการร่างกม.ประชามติ 4ฉบับ ย้ำกรอบการทำงาน หลังมีกม.ใหม่ นัดหารือ กกต. กำหนดวันทำประชามติอีกครั้ง
ที่รัฐสภา นายนิกร จำนง โฆษกคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ให้สัมภาษณ์ถึงการเข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ต่อการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ฉบับแก้ไข ว่า ฉบับที่ ครม.เสนอเรียกเป็นฉบับสมานฉันท์เพราะได้เชิญพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลหารือแล้ว ส่วนกรณีที่มีร่างแก้ไขพ.ร.บ.ประชามติ ฉบับที่พรรคภูมิใจไทยเสนอมาด้วยนั้น คาดว่าจะรับไว้พิจารณาด้วยเพราะมีหลักการคล้ายกัน และในวันพรุ่งนี้ (18 มิ.ย.) นายภูมิธรรม เวชชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการ จะเข้ามาชี้แจงต่อสภา
นายนิกร กล่าวด้วยว่า สำหรับคำถามในการทำประชามตินั้น ตามหลักการที่ ครม.มีมติมาคือให้ไปแก้กฎหมายการทำประชามติให้เสร็จ จากนั้นให้ สปน. ให้เชิญคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และสำนักงบประมาณ เข้ามาเพื่อหารือ ว่าจะต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ และจะเลือกตั้งเมื่อไหร่ เรื่องนี้เป็นไปตามกฎหมาย
เมื่อถามว่า การยกเว้นการแก้ไขหมวดหนึ่งและหมวดสอง จะนำไปสู่ปัญหาความขัดแย้งหรือไม่นั้น นายนิกร กล่าวว่า การไม่เว้นมีปัญหามากกว่า การเว้นไว้อาจจะมีปัญหาเหมือนกัน แต่สามารถอธิบายกัน ทำความเข้าใจกันได้ หากไม่เว้นเท่ากับว่าเราไปแก้หมวดหนึ่งและหมวดสองที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์ ซึ่งก็จะมีคลื่นความขัดแย้งเกิดขึ้นได้
ส่วนกระแสว่า หากไม่เว้นการแก้ไขหมวดหนึ่งและหมวดสอง จะมีคนกลุ่มระดมให้คนไม่มาใช้สิทธิ์ เพื่อล้มการทำประชามตินั้น ไม่มีปัญหาอะไร การทำประชามติครั้งแรก ใช้งบประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท หากมีคนออกมาใช้สิทธิ์ไม่เกินกึ่งหนึ่ง หรือ 26 ล้านคน จะส่งผลให้การทำประชามติไม่สำเร็จ และต่อจากนี้ ก็จะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่สามารถทำได้ เพราะการทำประชามติไม่มีประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ ประเด็นอยู่ที่จำนวนของผู้ออกมาใช้สิทธิ์ แม้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน จะมีการทำประชามติจริง แต่ก็ใช้เพียงเสียงข้างมากเท่านั้น เสียงเกินกึ่งหนึ่งสองชั้นเกิดทีหลัง