’พัชรวาท‘ สั่งเฝ้าระวัง เร่งเตรียมการรับมือปัญหาอุทกภัย พร้อมติดตามโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ นำร่องปลูกต้นไม้พร้อมกันทั่วประเทศ 28 มิ.ย. นี้
’พัชรวาท‘ สั่งเฝ้าระวัง เร่งเตรียมการรับมือปัญหาอุทกภัย พร้อมติดตามโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ นำร่องปลูกต้นไม้พร้อมกันทั่วประเทศ 28 มิ.ย. นี้
พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) เป็นประธานการประชุมผู้บริหารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ 2/2567 พร้อมด้วย ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงฯ นายคณิศ แสงสุพรรณ ที่ปรึกษาของ รมว.ทส. นายนพดล พลเสน เลขานุการ รมว.ทส. นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัด ทส. และหัวหน้าส่วนราชการภายใต้สังกัด ทส. เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม 202 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อติดตามการเตรียมจัดโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ที่จะมีพิธีเปิดโครงการฯ ในภาพรวมของ ทส. ณ อุทยานแห่งชาติน้ำตกสามหลั่น จังหวัดสระบุรี และนำร่องปลูกต้นไม้ พร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 28 มิถุนายน 2567 ให้เป็นไปอย่างสมพระเกียรติ ตลอดจนเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 และการเตรียมข้อมูลเพื่อประกอบการชี้แจงร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 วาระที่ 1 ในระหว่างวันที่ 19-21 มิถุนายน 2567 โดยเฉพาะในประเด็นภารกิจสำคัญ และประเด็นที่เป็นกระแสอยู่ในความสนใจของประชาชน โดยขอให้จัดเตรียมคำตอบให้สั้น กระชับ และเข้าใจง่าย
นอกจากนี้ รมว.ทส. ยังได้สั่งการ ให้ทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัยที่จะเกิดขึ้น เฝ้าระวังสิ่งก่อสร้างในพื้นที่ที่อาจเกิดผลกระทบจากอุทกภัย น้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม โดยให้กรมทรัพยากรน้ำ และกรมทรัพยากรน้ำบาดาลจัดเตรียมเครื่องมือให้พร้อมในการช่วยเหลือประชาชน ให้กรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติฯ จัดเตรียมกำลังพลในการอพยพประชาชน และการช่วยเหลือหากเกิดสถานการณ์วิกฤต และให้กรมควบคุมมลพิษ ให้ความรู้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ เพื่อป้องกันปัญหามลพิษต่าง ๆ ที่อาจเกิดจากอุทกภัย ในส่วนของการแก้ไขปัญหาสัตว์ป่ารบกวนชาวบ้าน ได้สั่งการให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ เร่งแก้ไขปัญหาลิงและช้างป่าที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน และมอบหมายให้กรมควบคุมมลพิษร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและจังหวัด พิจารณากำหนดมาตรการของแหล่งกำเนิดมลพิษให้ครอบคลุมธุรกิจเกิดใหม่ เช่น ร้านซักอบแห้ง 24 ชั่วโมง ให้ความสำคัญกับการจัดหาเครื่องมือในการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ทันสมัย ประสานบังคับใช้มาตรการ และกฎหมายให้เกิดผลเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งสั่งการให้สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด รายงานสถานการณ์เร่งด่วนฉุกเฉินมายังหัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรีด้วยอีกทางหนึ่ง และขอให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่