ที่ประชุม กบง. ปรับลดอัตราเงินชดเชยกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจาก 4.7880 บาทต่อกิโลกรัม เหลือเพียง 3.3754 บาทต่อกิโลกรัม รักษาเสถียรภาพราคาก๊าซ LPG ถึงปลายปี 2561นายเพทาย หมุดธรรม รองผู้อำนวยการสำนักงานโยบายและแผนพลังงาน เปิดเผยถึง
ผลการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561 ซึ่งมี ดร. ศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานในที่ประชุม ว่า ในช่วงตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2560 เป็นต้นมา กระทรวงพลังงาน ได้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์การคำนวณราคาก๊าซ LPG จากราคา CP ที่ประกาศรายเดือนโดยประเทศซาอุดิอาระเบีย เป็นราคาก๊าซ LPG Cargo ซึ่งเป็นราคารายวันของ FOB Arab Gulf อ้างอิงจากรายงาน Platts นำมาเฉลี่ยรายสัปดาห์ ส่งผลให้ราคาก๊าซ LPG ในประเทศสะท้อนราคาตลาดในปัจจุบันมากขึ้น
โดยสถานการณ์ราคา CP เดือนกุมภาพันธ์ 2561 อยู่ที่ 515 เหรียญสหรัฐต่อตัน ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อน 65 เหรียญสหรัฐต่อตัน ในขณะที่ราคาก๊าซ LPG Cargo เฉลี่ยสัปดาห์นี้ อยู่ที่ 463 เหรียญสหรัฐต่อตัน ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อน 46.50 เหรียญสหรัฐต่อตัน และอัตราแลกเปลี่ยนได้อ่อนค่าลดลงจากสัปดาห์ก่อน 0.2499 บาทต่อเหรียญสหรัฐ มาอยู่ที่ 31.7896 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้ราคา ณ โรงกลั่นที่อ้างอิงราคานำเข้า (Import Parity) ซึ่งเป็นราคาซื้อตั้งต้นก๊าซ LPG ปรับตัวลดลง 1.3490 บาทต่อกิโลกรัม จาก 17.6034 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 16.2544 บาทต่อกิโลกรัม
อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ผ่านมากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้มีการใช้เงินกองทุนน้ำมันฯ เพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพราคาขายปลีกก๊าซ LPG ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องรักษาระดับเงินกองทุนน้ำมันฯ ให้สามารถรองรับกับความผันผวนของราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกที่อาจจะปรับเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี 2561
ที่ประชุม กบง. จึงได้มีมติเห็นชอบให้ปรับลดอัตราเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันฯ ลง 1.4126 บาทต่อกิโลกรัม จากเดิมที่กองทุนน้ำมันฯ ชดเชยที่ 4.7880 บาทต่อกิโลกรัม เป็นชดเชย 3.3754 บาทต่อกิโลกรัม ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2561 เป็นต้นไป โดยไม่ส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกก๊าซ LPG แต่อย่างใด ราคาขายปลีกยังคงเดิมอยู่ที่ 19.82 บาทต่อกิโลกรัม ทั้งนี้ ผลจากการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ดังกล่าว ทำให้กองทุนน้ำมันฯ มีรายจ่ายสุทธิประมาณ 857 ล้านบาทต่อเดือน