ว่าที่พันตรี ดร.อนุชาติ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการชุมชนสัมพันธ์และสิ่งแวดล้อมโครงการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เปิดเผยว่า กฟผ.จะต้องรอหนังสือคำสั่งอย่างเป็นทางการจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จึงจะทราบอย่างชัดเจนว่าจะต้องปฎิบัติตามอย่างไร เพราะกรณีของโรงไฟฟ้าเทพา และ กระบี่ นั้นแตกต่างกัน
ในส่วนขั้นตอนการจัดทำEHIA ของโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา นั้นอยู่ในระหว่างการพิจารณาของ สำนักงานนโยบายและแผนการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ส่วนของโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ นั้น เป็นการเริ่มกระบวนการจัดทำEHIA ใหม่ ซึ่งในส่วนของ โรงไฟฟ้าถ่านหิน เทพา นั้น หากมีคำสั่งจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานออกมา กฟผ.ก็จะทำเรื่องขอถอนรายงานออกมาได้
ทั้งนี้กรณีของโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ นั้น เนื่องจากเคยมีการถอนรายงานEHIA ออกมาแล้ว ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และอยู่ระหว่างการทำ รายงานEHIA ฉบับใหม่ ก็จะต้องหารือกับทาง สผ. ก่อนว่า ในระหว่างที่มีการศึกษาSEA ที่เป็นการศึกษาในภาพรวมของพื้นที่ นั้น กฟผ.จะต้องหยุดกระบวนการทำEHIA ที่เป็นการศึกษาเฉพาะตัวโครงการด้วยหรือไม่
ทั้งนี้ กฟผ.เริ่มมีการลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับชุมชนในพื้นที่เพื่อดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ ตั้งแต่ปี 2555 และในส่วนของโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน ต้องยอมรับว่ายังมีความเห็นที่แตกต่างกันของคนในพื้นที่
อย่างไรก็ตามการที่การก่อสร้างโรงไฟฟ้าหลักในพื้นที่ภาคใต้ ที่มีความล่าช้า จะทำให้พื้นที่ภาคใต้มีความเสี่ยงเรื่องของความมั่นคงไฟฟ้ามากขึ้น ในภาพรวมกฟผ.จะต้องหารือกันว่า จะมีการหาทางออกอื่นๆให้ภาคใต้ยังคงมีความมั่นคงไฟฟ้าและรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่ขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆในแต่ละปีได้อย่างไร