สำนักงาน ป.ป.ท. ร่วมกับนายไพโรจน์ นิยมเดชา ผู้อำนวยการกลุ่มสืบสวนและปฏิบัติการข่าว 2 สำนักงาน ป.ป.ช. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. นำกำลังเข้าจับกุมข้าราชการและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเรียกรับเงินจากผู้ประกอบการรถบรรทุก รายละ 100,000 บาท เพื่อให้สามารถบรรทุกน้ำหนักเกินได้โดยไม่ถูกจับกุม พร้อมทั้งตรวจค้นด่านชั่งน้ำหนักที่ผู้ต้องหาปฏิบัติหน้าที่ กว่า 10 จุด
สืบเนื่องจากเมื่อเดือนมิ.ย. 2566 สมาคมขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ได้มีหนังสือขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการทุจริตเรียกรับส่วยรถบรรทุก ถึงจเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ซึ่งจากการสืบสวนพบว่า มีเจ้าหน้าที่ของรัฐในสังกัดสำนักงานควบคุมน้ำหนักยานพาหนะ มีพฤติการณ์เรียกรับเงินจากผู้ประกอบการรถบรรทุก รายละ 100,000 บาท เพื่อให้สามารถบรรทุกน้ำหนักเกินได้โดยไม่ถูกจับกุม ซึ่งกระทำการโดยชุดเฉพาะกิจ นําโดยนาย น. (นามสมมุติ) ซึ่งในขณะเกิดเหตุ ดำรงตำแหน่งหัวหน้าด่านชั่งน้ำหนัก ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบ
และจับกุมผู้กระทำความผิดในการบรรทุกน้ำหนักเกิน ได้อาศัยตำแหน่งหน้าที่เรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการรถบรรทุก และนาย อ. (นามสมมุติ) ซึ่งในขณะเกิดเหตุ ดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบรถบรรทุกน้ำหนักเกิน ได้อาศัยตำแหน่งหน้าที่เรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการรถบรรทุก เพื่อแลกกับการไม่จับกุมผู้ประกอบการรถบรรทุกน้ำหนักเกิน มีพฤติการณ์ในการรับเงินจากผู้ประกอบการโดยตรง และโอนเงินส่วนหนึ่งเข้าบัญชีของนาย น. (นามสมมุติ) และยังมีนาย ธ. (นามสมมุติ) ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการติดต่อเรียกรับเงินจากผู้ประกอบการรายใหญ่น้อยต่างๆ และนำเงินไปส่งมอบให้นาย น. (นามสมมุติ) โดยใช้บัญชีม้ารับโอนเงินและทำธุรกรรมต่าง ๆ
สำนักงาน ป.ป.ท. จึงได้ร่วมกับ ป.ป.ช. และ บก.ปปป. สนธิกำลังเข้าจับกุมตัว นาย น. (นามสมมุติ) นาย อ. (นามสมมุติ) และนาย ธ. (นามสมมุติ) พร้อมตรวจค้นตามจุดต่างๆ ซึ่งต้องสงสัยว่ามีพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด รวมไปถึงตรวจค้นด่านชั่งน้ำหนักที่ผู้ต้องหาได้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ด้วย รวม 11 จุด และดำเนินการส่งตัวผู้ต้องหาให้เจ้าพนักงานตำรวจดำเนินการตามกฎหมายต่อไป เบื้องต้นทราบว่ามีชุดเฉพาะกิจดังกล่าวกระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 10 ชุด โดยตั้งแต่ปี 2562-2566 มีผู้เสียหายรวมมากกว่า 30 ราย มูลค่าความเสียหายรวม 200 ล้านบาท และเงินส่วยหมุนเวียนแต่ละเดือนไม่ต่ำกว่า 3,000,000 บาท ทั้งนี้ ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
“ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ความผิดดังกล่าว เกิดจากการกระทำส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานต้นสังกัด"