วันที่ 17 กันยายน 2567 เวลา 13.30 น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้การต้อนรับ นางมิลลิเซนต์ ครุซ-ปาเรเดส (Mrs. Millicent Cruz-Paredes) เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ประจำประเทศไทย และคณะ ในโอกาสเข้าพบ โดยมี  นายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย ผู้บริหารสำนักงานประกันสังคม กรมการจัดหางาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน  และสำนักประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ ร่วมให้การต้อนรับ ณ ห้องจัตุมงคลชั้น 6 อาคารกระทรวงแรงงาน
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ประเทศไทยและฟิลิปปินส์มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาอย่างยาวนาน ซึ่งปีนี้ครบรอบ 75 ปี ซึ่งปัจจุบันมีแรงงานฟิลิปปินส์มาทำงานในประเทศไทย ประมาณ 40,000 คน ส่วนใหญ่อยู่ในภาคการศึกษา นักวิชาการ และ  อุตสาหกรรมบันเทิง ผมขอชื่นชมการพัฒนาทักษะแรงงานฟิลิปปินส์ ที่ประสบความสำเร็จในการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ โดยเฉพาะ ตะวันออกกลาง เอเชีย ยุโรป และอเมริกา จึงมีความสนใจที่อยากให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เข้าไปศึกษาวิธีการพัฒนาทักษะแรงงานให้ได้ทำงานในต่างประเทศได้มาก และตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานทั่วโลก
นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า สำหรับแรงงานฟิลิปปินส์ในประเทศไทยนั้น ตามที่ทางฟิลิปปินส์เสนอ MOA ที่มีเนื้อหาในการคุ้มครองสิทธิแรงงานฟิลิปปินส์ ผมเห็นว่าขอเสนอให้เป็นการจัดทำ MOU ร่วมกันโดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านวิชาการ เช่น การพัฒนาฝีมือแรงงาน ระบบการจัดการด้านแรงงาน การศึกษา ฝึกอบรม การวิจัย รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านสุขภาพ ความปลอดภัยและอาชีวอนามัย เป็นต้น เพื่อเสนอให้ฝ่ายฟิลิปปินส์พิจารณาต่อไป
ด้าน คุณมิลลิเซนต์ ครุซ-ปาเรเดส (Mrs. Millicent Cruz-Paredes) เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ดิฉันขอขอบคุณท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และคณะ ที่ให้โอกาสให้เข้าพบหารือในวันนี้ ทั้งนี้ เรื่อง MOU การดูแลสิทธิแรงงานที่ทางกระทรวงแรงงานไทยเสนอมานั้น ทางสถานทูตยินดีพิจารณา เพื่อเป็นการสร้างสัมพันธ์อันดีและเป็นประโยชน์ด้านแรงงานทั้งสองฝ่าย  รวมถึง ทางสถานทูตพร้อมที่จะทำงานร่วมกับกระทรวงแรงงานไทยอย่างใกล้ชิด และให้ข้อมูลด้านการพัฒนาทักษะฝีมือของฟิลิปปินส์ ที่ตรงตามความต้องการของตลาดแรงงานโลก อีกทั้ง ตัวอย่าง การจัดตั้งหน่วยงานที่ดูแลแรงงานในต่างประเทศ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทางฟิลิปปินส์จะมีสำนักงานที่ดูแลแรงงานฟิลิปปินส์ในประเทศไทยในอนาคต และจะได้ร่วมมือกันต่อไป