เกษตรฯ เร่งฟื้นฟูอาชีพเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย หลังน้ำลดดัน ภายใต้งบกลางกว่า2.5 พันล้านบาท หนุนปัจจัยการผลิต ซ่อมแซมเครื่องจักรกล
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าโครงการฟื้นฟูเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ปี 2567 จำนวน 8 โครงการ วงเงินงบประมาณ 2,553.0098 ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูให้เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ปี 2567 สามารถทำการผลิตได้ทันทีหลังน้ำลด เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนแก่เกษตรกรผู้ประสบภัย ให้สามารถประกอบอาชีพการเกษตรได้อย่างต่อเนื่อง สามารถสร้างรายได้และผลผลิตเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือนได้ในระยะเวลาอันสั้น จำนวน 8 โครงการ ได้แก่
1. การฟื้นฟูอาชีพหลังน้ำลด 2,038.0293ล้านบาท แยกเป็น โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย (กรมการข้าว) 1,571.3516 ล้านบาท
โครงการ สกัดการระบาดของโรคแมลงศัตรูพืช เชื้อรา และการสนับสนุนพันธุ์พืช และปัจจัยการผลิตเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภัยพิบัติ ปี 2567/2568 (กรมวิชาการเกษตร) 421.0323 ล้านบาท
โครงการ ฟื้นฟูเกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมที่ประสบอุทกภัย (กรมหม่อนไหม) 1.6754 ล้านบาท
โครงการ ฟื้นฟูอาชีพเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยปี 2567 (กรมปศุสัตว์) 20.0500ล้านบาท
โครงการ ส่งเสริมทางเลือกอาชีพด้านประมง การเลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อพลาสติกและในกระชังบก (กรมประมง) 23.9200ล้านบาท
2. การฟื้นฟูพื้นที่เกษตรและซ่อมแซมเครื่องจักรกลเกษตร 214.9805ล้านบาท แยกเป็น โครงการปรับระดับพื้นที่เกษตรและฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยระยะหลังน้ำลด ปี 2567 (กรมพัฒนาที่ดิน) 182.5893ล้านบาท
การซ่อมแซมและฟื้นฟูเครื่องจักรกลเกษตรขนาดเล็กหลังน้ำท่วม (กรมวิชาการเกษตร) 32.3912 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีการสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ข้าว พืชไร่ พืชผัก ต้นพันธุ์หม่อน และปัจจัยการผลิต การสนับสนุนพันธุ์สัตว์ปีก (ไก่ไข่ เป็ดเทศ) พันธุ์สัตว์น้ำ (ปลาดุก กบ) การฟื้นฟูพื้นที่เกษตรและซ่อมแซมเครื่องจักรกลเกษตร การปรับระดับพื้นที่เกษตรและฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย และการลดภาระหนี้สินของสมาชิกสถาบันเกษตรกร/กลุ่มเกษตรกร
โดยการลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่เกษตรกรสมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรที่ประสบอุทกภัยปี 2567 โดยรัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยให้สหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรแทนสมาชิก ต้นเงินกู้ไม่เกิน 300,000 บาท ในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี เป็นระยะเวลา 1 ปี ทั้งนี้ ส่วนต้นเงินกู้ที่เกินกว่า 300,000 บาท คิดดอกเบี้ยในอัตราปกติ และขยายระยะเวลาการชำระหนี้สมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร โดยขอความร่วมมือให้สหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรขยายระยะเวลาการชำระหนี้ในสัญญาเงินกู้ของสมาชิกที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติด้านการเกษตร
ขณะที่ ศูนย์ปฎิบัติการน้ำอัจฉริยะ กรมชลประทาน แจ้งว่าล่าสุดกรมมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์สภาพอากาศ พบบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรงจากประเทศจีนจะแผ่เสริม ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ขณะที่ร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ตอนกลาง ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบน มีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง อาทิ จังหวัดชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ สงขลา สุราษฏร์ธานี และ ยะลาในช่วงวันที่6-8พ.ย.นี้