นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ“การใช้ประโยชน์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์”ว่า รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีข้อสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อเร็วๆ นี้ให้ขับเคลื่อนงาน ด้านพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งพัฒนาระบบข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ของภาครัฐ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีทิศทางเดียวกัน และให้ทุกหน่วยงานภาครัฐพัฒนาและขับเคลื่อนระบบข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เพื่อประโยชน์ ในภารกิจของหน่วยงานและอํานวยความสะดวกแก่ประชาชน

ดังนั้น กระทรวงเกษตรฯ จึงได้จัดให้มีการประชุมเชิงปฏิบัติการ “การใช้ประโยชน์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขึ้น โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นหัวหน้าส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกว่า 130 คน ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้รับความรู่พื้นฐานเกี่ยวกับข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ตามแนวทางของรัฐบาลและกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดโอกาสให้มีการอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อแนวทางการใช่ประโยชน์ รวมทั้งให้ผู้เข้าร่วมประชุมสามารถระบุเจาะจงระบบข้อมูลร่วมกับการจัดทําระบบข้อมูลและชี้เป็นการใช้ประโยชน์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์ในแง่มุมต่างๆ

นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีการแต่งตั้งคณะทํางานพัฒนาระบบข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) จํานวน 4 คณะทํางาน ได้แก่ ด้านข้อมูลเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร ด้านข้อมูลสินค้าเกษตร ด้านข้อมูลที่ดินและพื้นที่เกษตรกรรม ด้านข้อมูลน้ำและการชลประทาน คณะทํางานแต่ละด้านซึ่งมีท่านผู้ตรวจราชการกระทรวง และรองอธิบดีกรมเป็นประธานดําเนินงาน ได้ดําเนินการรวบรวมชุดข้อมูลสําคัญเป็น Big Data ด้านการเกษตร พร้อมกําหนดแนวทางการขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์ข้อมูลขนาดใหญ่ โดยมีเป้าหมายหลักคือ ให้มีการเปิดเผย แลกเปลี่ยน ใช้งานข้อมูลระหว่างหน่วยงานได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และใช้เป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรและการกําหนดนโยบายภาคการเกษตร ที่ตรงความต้องการของเกษตรกร ตรงความเดือดร้อน และตรงพื้นที่

“การดําเนินงานในยุคดิจิทัล ข้อมูล คือ หัวใจสําคัญในการพัฒนาองค์กรให้ไปสู่เป้าหมาย เพราะข้อมูลจะนําเสนอข้อเท็จจริง ทั้งปัญหา อุปสรรค และช่องทางความสําเร็จขององค์กร หากองค์กรใดสามารถนําข้อมูลที่มีมาวิเคราะห์ เพื่อเป็นฐานในการขับเคลื่อน จะทําให้องค์กรสามารถบรรลุตามเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคราชการ มีการผลิตข้อมูลในรูปแบบต่าง ๆ จํานวนมากในแต่ละวัน จึงจะต้องบริหารจัดการข้อมูลที่มี ให้เกิดประโยชน์ในภารกิจของหน่วยงาน และอํานวยความสะดวกแก่ประชาชนด้วย” นายเลิศวิโรจน์ กล่าว