เจาะมาตรการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์-ซิมผี กสทช.ลุยประกาศยืนยันตัวด้วย "ไบโอเมตริกซ์" พร้อมออกมาตรการสำคัญสกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ระบุให้ผู้ประกอบการทุกรายลงทะเบียนใหม่ และส่งลิงค์มาให้ตรวจก่อนส่งดีเดย์ 1 ก.พ.นี้
พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านกฎหมาย และประธานอนุกรรมการบูรณาการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีฯ กล่าวว่า หลังจากประชุมคณะอนุกรรมการบูรณาการแนวทางในการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีโทรคมนาคมและความมั่นคงของรัฐ
นอกจากนั้น ยังได้หารือมาตรการเสริมอื่นๆ เช่น กำหนดให้แสดงชื่อผู้โทรเข้าแทนเลขหมาย (Caller ID) และ การกำหนดให้ระบบ Mobile Banking ต้องใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ตจากซิมการ์ดเท่านั้น เมื่อต้องการโอนเงินจำนวนมากๆ มาตรการเหล่านี้จะทำให้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
พล.ต.อ.ณัฐธร กล่าวว่า สืบเนื่องจากที่ กสทช. ร่วมกับ ตำรวจ ตรวจยึด Simbox และ ซิมการ์ดจำนวนมาก เมื่อทำการตรวจสอบพบว่าซิมการ์ดเหล่านี้ส่วนใหญ่ลงทะเบียนโดยคนต่างชาติ ด้วยเอกสารแสดงตนปลอม หรือใช้ภาพบุคคลอื่น ในที่ประชุมได้หารือเพื่อเสนอออกประกาศ กสทช. ให้ใช้ระบบยืนยันตัวตนแบบไบโอเมตริกซ์ และจำกัดการลงทะเบียนซิมของแรงงานสามสัญชาติได้ไม่เกิน 3 เลขหมายต่อคนต่อโอเปอเรเตอร์ โดยต้องใช้ passport ลงทะเบียนเท่านั้น รวมทั้ง Set Zero ระบบการส่ง SMS แนบลิงค์ โดยให้ผู้ประกอบการทั้งหมดลงทะเบียนใหม่และส่งลิ้งค์ให้ตรวจสอบก่อนส่ง
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือมาตรการสกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่สำคัญอื่นๆ อาทิเช่น การแสดงชื่อผู้โทรเข้า และการใช้เน็ตจากซิมในการโอนเงินจำนวนมากๆ มาตรการเหล่านี้จะทำให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทำงานได้ง่ายขึ้น ขณะที่กลุ่มมิจฉาชีพก็จะก่ออาชญากรรมลำบาก
ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้มีการเสนอมาตรการ Caller ID ระบบจะแสดงชื่อผู้โทรเข้าจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ผู้รับสายปลายทางทราบ ซึ่งจะทำให้มิจฉาชีพโทรหลอกลวงประชาชนได้ยากขึ้น โดยได้หารือผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ถึงแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสม ในส่วนของการปราบปรามซิมผีนั้น ได้สั่งการไปยังหน่วยในสังกัดของตำรวจ ในการกวดขันจับกุมดีลเลอร์ที่ไม่ปฎิบัติตามระเบียบในการลงทะเบียนซิมการ์ด เพื่อปิดช่องโหว่ในการลงทะเบียนซิมการ์ดอย่างไม่ถูกต้อง ซึ่งการกระทำดังกล่าว เป็นความผิดตาม พรก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีฯ มาตรา 9 และ 11 มีทั้งโทษทั้งจำคุกและโทษปรับ
ทาง ปปง. ได้เสนอมาตรการ Mobile Banking โดยกำหนดให้การโอนเงินจำนวนมากๆ เช่น จำนวน 50,000 บาทขึ้นไป ต้องใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ตจากซิมการ์ด โดยจะต้องทำควบคู่กับการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า ซึ่งจะทำให้กลุ่มมิจฉาชีพทำงานได้ยากขึ้น
อนึ่ง การบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, สำนักงาน กสทช.,สำนักงานกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) , และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนี้ เป็นการขานรับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการเร่งกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และป้องกันปัญหาเพื่อมิให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อในการหลอกลวงทางออนไลน์