นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สั่งการให้กรมชลประทานเตรียมจ้างแรงงานตามโครงการจ้างแรงงานภาคเกษตร ปี 2568 เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่กำลังจะว่างงานนอกฤดูการผลิต หรือหากเกิดภัยพิบัติ อาทิ ภัยแล้ง ทำให้เกษตรกรไม่สามารถประกอบอาชีพปกติได้ เพื่อกระตุ้นการหมุนเวียนของเงินในชุมชน และลดปัญหาการย้ายถิ่นฐานของแรงงาน ปีงบประมาณ 2568 กรมชลประทานดำเนินโครงการจ้างแรงงาน ภายใต้นโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านชลประทานทั่วประเทศ ตลอดระยะเวลา 12 เดือน (ต.ค. 2567 – ก.ย.2568) วางเป้าหมายการจ้างแรงงานจำนวน 84,716 คน/แรง วงเงินรวม 5,553.92 ล้านบาท ครอบคลุมการดำเนินงานสำคัญ เช่น งานซ่อมแซม บำรุงรักษา ขุดลอก ปรับปรุงระบบชลประทาน การพัฒนาพื้นที่อันเนื่องมาจากพระราชดำริ การจัดการคุณภาพน้ำ และโครงการป้องกันภัยจากน้ำ
นายสุริยพล นุชอนงค์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธ.ค.2567 กรมชลประทานจ้างแรงงานแล้ว 14,065 คน คิดเป็น 16.60% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ รวมวงเงินเบิกจ่ายกว่า 245.95 ล้านบาท โดยค่าเฉลี่ยรายได้ต่อแรงงานอยู่ที่ 17,487 บาท ผลการจ้างแรงงานมากที่สุด จังหวัดที่มีผลการจ้างแรงงานมากที่สุด 3 ลำดับ คือ จังหวัดสกลนคร จำนวน 1,200 คน วงเงินเบิกจ่ายในการจ้างแรงาน 20,112,332 บาท จังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน 1,126 คน วงเงินเบิกจ่ายในการจ้างแรงงาน 20,099,264 บาท จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 966 คน วงเงินเบิกจ่ายในการจ้างแรงาน 15,393,510 บาท
ส่วนหลักเกณฑ์การจ้างงานภาคเกษตรกร ปี 2568 ระยะเวลาการจ้างแรงงาน 12 เดือน ภายใต้หลักเกณฑ์ ต้องเป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร หรือ เกษตรกรในพื้นที่ เป็นสมาชิกกลุ่มผู้ใช้น้ำ ของกรมชลประทานในพื้นพื้นที่ ประชาชน และ ผู้ใช้แรงงาน ทั่วไปในพื้นที่ หากแรงงานในพื้นที่ไม่เพียงพอ ให้พิจารณาจ้างเกษตรกร แรงงาน ในพื้นที่ใกล้เคียง จากหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัดและลุ่มน้ำ ลักษณะงานที่จ้าง เช่นงานซ่อมแซม บำรุงรักษา ขุดลอก ปรับปรุงงานชลประทาน โครงการส่งเสริม การดำเนินงานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ งานก่อสร้างแหล่งน้ำและระบบส่งน้ำเพื่อ ชุมชน ชนบท แก้มลิง การจัดการคุณภาพน้ำ ทั้งนี้ ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลการรับสมัครได้ที่โครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือทางสายด่วนกรมชลประทาน 1460 ชลประทานบริการประชาชน