มูลนิธิศุภนิมิตฯ เปิดวิสัยทัศน์ ขับเคลื่อนพันธกิจทางสังคมในภาพรวม โดยมีนางรสลิน โกแวร์ ผู้อำนวยการมูลนิธิ ศุภนิมิตแห่งประเทศไทย เป็นผู้ให้ข้อมูลในประเด็นที่น่าสนใจ พร้อมเผยสถิติใหม่ ที่เกี่ยวข้องกับเด็ก สตรีและชุมชน ครั้งแรกในงานนี้ด้วยว่า “เมื่อเร็ว ๆ นี้ มูลนิธิศุภนิมิตฯ ได้ทำการวิจัยในกลุ่มเด็กกว่า 83,000 คนทั้งที่อาศัยในพื้นที่ชนบทและในเขตชุมชนเมือง ทั้งที่เป็นเด็กในความอุปการะและไม่ใช่เด็กในความอุปการะของเรา ซึ่งในงานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นถึงสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เน้นถึงรูปแบบและลักษณะของความเปราะบางยากไร้ในเด็กและเยาวชนรวมถึงรากของปัญหาที่เป็นสาเหตุของความเปราะบางยากไร้เหล่านี้
“กว่า 51% ของเด็ก 83,000 รายที่เราทำการสำรวจ พบว่าเป็นเด็กที่เปราะบางยากไร้ที่สุด โดยเด็กในช่วงอายุ 7-12 ปี มีสัดส่วนสูงสุดในกลุ่มเด็กที่ได้รับการระบุว่า เป็นเด็กเปราะบางยากไร้ที่สุด (Most Vulnerable Children - MVC) และเด็กเปราะบางยากไร้ (Vulnerable Children - VC) ทั้งนี้ ความเปราะบางยากไร้ในนิยามของมูลนิธิศุภนิมิตฯ มีอยู่ 4 มิติ
ได้แก่ 1. การถูกละเมิดหรือแสวงหาประโยชน์ 2. การขาดแคลนอย่างรุนแรง 3. ภาวะเปราะบางจากภัยพิบัติหรือมหันตภัย และ 4.การกีดกันอย่างรุนแรง ในบรรดามิติความเปราะบางยากไร้ทั้ง 4 มิตินี้ มิติที่ชี้ให้เห็นถึงความเปราะบางสูงสุดคือ การขาดแคลนอย่างรุนแรง (63%) รองลงมาคือ การกีดกันอย่างรุนแรง (28%), ภาวะเปราะบางจากภัยพิบัติหรือมหันตภัย (25%), และการถูกล่วงละเมิด (18%)
นอกจากนี้ ยังพบว่าความเปราะบางที่สูงที่สุดจากการสำรวจ คือ เด็กที่อาศัยอยู่ในสภาพครอบครัวที่ยากจนคิดเป็นร้อยละ 44 หรือประมาณ 37,000 คน รองลงมาคือ เด็กที่ไม่ได้อาศัยอยู่กับพ่อแม่ คิดเป็นร้อยละ 19 และเด็กที่มาจากครอบครัวพ่อหรือแม่เลี้ยงเดี่ยว คิดเป็นร้อยละ 16 นอกจากนี้ ยังพบว่า ร้อยละ 20 ของเด็กในพื้นที่โครงการของมูลนิธิศุภนิมิตฯ ซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกลหรือบริเวณชายแดน และ ร้อยละ 9.4 เป็นกลุ่มเด็กชายขอบ
ทีมงานศุภนิมิตฯ ได้ทำการศึกษารากของความเปราะบางยากไร้เหล่านี้ และพบว่า ปัจจัยที่ก่อให้เกิดปัญหามีดังต่อไปนี้
โครงสร้างครอบครัวที่เปลี่ยนแปลงไป (Changing family structures) : มีแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจสังคมที่สัมพันธ์กันหลายประการการย้ายถิ่นฐานจากชนบทสู่เมืองเนื่องจากการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศ อันส่งผลต่อ อัตราการแยกกันอยู่และการหย่าร้างของพ่อแม่ ซึ่งทั้งสองปัจจัยนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของครัวเรือนแบบ “ข้ามรุ่น” คือปู่ย่าตายายเป็นผู้เลี้ยงดูหลานแทนพ่อแม่ของเด็ก เรามักจะเห็นว่าแนวโน้มเหล่านี้ถูกพูดถึงบ่อยครั้งในการทำประชุมกลุ่มสนทนา (Focused Group Discussion - FGD)
การใช้สารเสพติดที่เพิ่มขึ้น (Increasing substance abuse) : จากการทำประชุมกลุ่มสนทนา (FGD) ทุกกลุ่มอายุในทุกพื้นที่ต่างระบุตรงกันว่าการใช้สารเสพติด ทั้งยาเสพติดและแอลกอฮอล์ เป็นประเด็นสำคัญที่น่ากังวลใจอย่างมากเด็กและเยาวชนหลายคนที่ร่วมการสำรวจรายงานว่า “เคยพบเจอกับการใช้สารเสพติดทั้งภายในบ้านและชุมชน”และในประเด็นที่เชื่อมโยงกับ ความเปราะบางยากไร้ หัวข้อที่พบบ่อยครั้งคือการติดสารเสพติดเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้เกิดความรุนแรงที่กระทำโดยพ่อแม่ และการทอดทิ้งละเลยเด็กในครอบครัวความตึงเครียดทางการเงิน เป็นเหตุผลที่มักจะอ้างถึงมากที่สุดที่เป็นสาเหตุให้พ่อแม่และผู้ดูแลเด็กหันไปใช้สารเสพติดความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจนี้ มักถูกซ้ำเติมด้วยปัจจัยความตึงเครียดทั้งภายในและภายนอกครัวเรือน ตัวอย่างของปัจจัยภายใน ได้แก่ คนในครอบครัวเป็นโรคเรื้อรังหรือโรคร้ายแรง ในขณะที่ปัจจัยภายนอก ได้แก่ ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้รับผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงไป
ทั้งหมดนี้ เป็นรายงานการวิจัยล่าสุด ที่ทีมงานศุภนิมิตฯ รวบรวมขึ้น เพื่อวางแผนการดำเนินงานในอนาคตอันใกล้ และก้าวใหม่ในปี 2568 นี้ ศุภนิมิตฯ ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าสานต่อพันธกิจในงานการพัฒนาเพื่อต่อยอดและปรับปรุงแนวทางในการดำเนินงาน และติดตาม เพื่อให้สามารถเข้าถึงและช่วยเหลือเด็กเปราะบางยากไร้ที่สุดให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทั้งนี้ เราจำเป็นต้องทำงานอย่างใกล้ชิดกับชุมชน เพื่อสามารถทราบได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ว่าเด็กกลุ่มใดคือเด็กที่เปราะบางยากไร้ที่สุด เพื่อช่วยเหลือและมอบการสนับสนุนได้อย่างตรงเป้าหมายตามความต้องการที่จำเป็นเพื่อแก้ปัญหาความยากไร้ที่มีความซับซ้อน ตลอดจนช่วยเสริมสร้างการทำงานของเครือข่ายให้เข้มแข็งและเป็นกำลังในการหนุนเสริมหน่วยงานภาครัฐให้สามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals - SDG)
สำหรับงานการพัฒนาเด็กและเยาวชน มูลนิธิศุภนิมิตฯ มุ่งเน้นการดูแลเด็กและส่งเสริมการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพให้กับเด็กอายุ 0-12 ปีด้วยการเสริมสร้างศักยภาพของพ่อแม่ผู้ปกครองและผู้ดูแลเด็กเพื่อให้พวกเขามีส่วนช่วยให้เด็กได้มีพัฒนาการและเจริญเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและมีผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้ที่ดีจากการได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ ส่วนงานการพัฒนาเยาวชน มูลนิธิศุภนิมิตฯ ก็ยังคงมุ่งเน้นการเสริมสร้างเยาวชนอายุ 13-24 ปี ให้มีทักษะชีวิตและจิตสาธารณะอย่างเหมาะสม ผ่านสภาเยาวชนศุภนิมิต ที่มูลนิธิฯจัดตั้งขึ้นโดยมีความตั้งใจที่จะส่งเสริมศักยภาพของกลุ่มเยาวชนและเครือข่าย ให้สามารถให้คำปรึกษาเพื่อนเยาวชนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงและมีความรู้ ความเข้าใจ ตลอดจนทัศนคติที่ถูกต้องเพื่อนำสู่การปรับเปลี่ยนค่านิยม ในการเลิกใช้สารเสพติด นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นงานพัฒนาอาชีพและชีวิตความเป็นอยู่ของคนในครอบครัวและชุมชนให้สามารถพึ่งพาตนเองและมีชีวิตความเป็นอยู่ตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง พร้อมรู้รับปรับตัวต่อสภาพแวดล้อม สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงสามารถรอดพ้นจากภัยพิบัติที่อาจต้องเผชิญ
มากไปกว่านั้น มูลนิธิศุภนิมิตฯ ยังคงมุ่งมั่นในงานการปกป้องคุ้มครองเด็ก งานด้านการโยกย้ายถิ่นฐานและประชากรข้ามชาติ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาของประชากรข้ามชาติในประเทศไทยซึ่งนับเป็นกลุ่มเปราะบางยากไร้ที่สุดด้วยเช่นกันโดยผ่านงานรณรงค์เพื่อปรับปรุงนโยบาย ทั้งนี้ การมีบทบาทสำคัญยิ่งในการนำชีวิตที่ครบบริบูรณ์ไปสู่เด็กทุกคนผ่านการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้เด็ก รวมถึงครอบครัวและชุมชนของเขา ความสำเร็จในพันธกิจการช่วยเหลือต่าง ๆเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากปราศจากความร่วมมือร่วมใจ การสนับสนุนทรัพยากรต่าง ๆ จากทุกฝ่าย
มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้รับความอนุเคราะห์และความร่วมมือจากหุ้นส่วนร่วมพันธกิจผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน รวมทั้งผู้อุปการะ ผู้บริจาคทุกท่าน เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพลังการขับเคลื่อนอันยิ่งใหญ่เพื่อนำสู่การเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิตของคนไทยและประเทศไปด้วยกันนะคะ” นางรสลิน โกแวร์ กล่าว