โดยมีหน้าที่ในการตรวจสอบ ติดตามสถานการณ์ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ในประเทศที่มีความรุนแรงมากขึ้น และรวบรวมข้อมูลเพื่อเสนอแนวทาง และมาตรการที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 อย่างรอบคอบ และเร่งด่วน ตลอดจนยกระดับมาตรการในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ให้มีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น โดยจะนำร่างคำสั่งดังกล่าวเสนอต่อรมว.เกษตรและสหกรณ์ เพื่อลงนามเห็นชอบต่อไป
นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรฯ เป็นประธานประชุมแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ภาคการเกษตร โดยมีมติแต่งตั้งคณะทำงานติดตามและเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา จุดความร้อนสะสมช่วง 1-27 ม.ค. 68 พบในพื้นที่เกษตรกรรม 6,333 จุด คิดเป็น 51.24% ของทั้งหมด กระทรวงเกษตรฯ กำหนดมาตรการห้ามเผาพื้นที่เกษตรกรรม ฝ่าฝืนถูกตัดสิทธิ์เข้าร่วมโครงการช่วยเหลือ 2 ปี และสั่งการให้ทุกหน่วยงานเร่งดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อลดผลกระทบฝุ่น PM 2.5 ตามนโยบายรัฐบาล

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมได้รายงานข้อมูลสถานการณ์จุดความร้อน (Hot Spot) ข้อมูลจากดาวเทียม ณ วันที่ 28 ม.ค. 68 ดังนี้

1. จุดความร้อนสะสม แบ่งตามพื้นที่ความรับผิดชอบ วันที่ 1-27 ม.ค. 68 พบจุดความร้อนในพื้นที่เกษตรกรรม 6,333 จุด (51.24 % ของทั้งหมด) แบ่งเป็น พื้นที่การเกษตร 4,207 จุด (34.04% ของทั้งหมด) และในเขตส.ป.ก. 2,126 จุด (17.20% ของทั้งหมด)

2. จุดความร้อนสะสม ตามการใช้ประโยชน์ที่ดิน วันที่ 1-27 ม.ค. 68 พบจุดความร้อนในพื้นที่นาข้าว 3,563 จุด (28.83% ของทั้งหมด) ในพื้นที่ปลูกข้าวโพดและไร่หมุนเวียน 568 จุด (4.60% ของทั้งหมด) ในพื้นที่ปลูกอ้อย 1,046 จุด (8.46% ของทั้งหมด) ในพื้นที่การเกษตรอื่น 1,774 จุด (14.35% ของทั้งหมด

นอกจากนี้ รมช.เกษตรฯ ได้กำชับให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินมาตรการตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่องมาตรการบริการจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก ไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ภาคการเกษตร ประกาศเมื่อวันที่ 17 ม.ค. 68 โดยได้กำหนดคุณสมบัติเกษตรกร ที่เข้าร่วมโครงการส่งเสริม สนับสนุน การช่วยเหลือจะต้องไม่เผาในพื้นที่เกษตรกรรมของตนเอง หากเกษตรกรรายใดมีการเผาในพื้นที่จะไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ เป็นระยะเวลา 2 ปี (ตั้งแต่ 1 มิ.ย. 68 - 30 พ.ค. 70) และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งข้อมูลพื้นที่เผาไหม้ของเกษตรกร จากสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ทุก 15 วัน ให้กรมส่งเสริมการเกษตรเพื่อตรวจสอบพื้นที่เผาไหม้ของเกษตรกรต่อไป

ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ ไม่นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์การดังกล่าว จึงได้เน้นย้ำในที่ประชุมให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มความเข้มข้นการทำงานเชิงรุก เพื่อช่วยกันลดผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 ให้ได้มากที่สุด ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่ให้ทุกหน่วยงานยกระดับการดำเนินมาตรการอย่างต่อเนื่อง