นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้ร่วมลงนามความร่วมมือด้านการสอบสวนอากาศยานประสบอุบัติเหตุและอุบัติการณ์ (MOU) ระหว่าง กระทรวงคมนาคม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุของอากาศยานในราชอาณาจักร สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เพื่อกำหนดการทำงาน การประสานงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เช่น เมื่ออากาศยานเกิดอุบัติเหตุ ตำรวจจะมีอำนาจสอบสวนทางอาญาและเข้าดูแลรักษาพื้นที่เกิดเหตุรวบรวมพยานหลักฐาน ขณะที่ปลัดกระทรวงคมนาคม มีอำนาจในการพิทักษ์รักษา ตัวอากาศยาน
ส่วนคณะกรรมการสอบสวนฯ มีหน้าที่เข้าไปเก็บรวบรวมข้อมูล ชิ้นส่วนอากาศยาน โดยเฉพาะกล่องดำ เพื่อทำการวิเคราะห์ และทำรายงานฉบับแรกไปยัง ICAO, รัฐผู้ผลิตอากาศยาน, รัฐผู้จดทะเบียน, ผู้ออกแบบ หรือรัฐที่เกี่ยวข้อง ภายในเวลา 30 วัน และทำรายงานฉบับกลาง และฉบับสุดท้ายภายใน 1 ปี เพื่อเป็นมาตรการคำแนะนำด้านความปลอดภัย
"ความร่วมมือนี้เพื่อทำให้เกิดความมั่นใจมากยิ่งขึ้น และเป็นไปตามที่ องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) เคยให้ความเห็นไว้เมื่อปี 2558 โดยต้องการให้หน่วยงานของรัฐ ร่วมมือกันและทำให้ความมั่นใจในการสืบสวนสอบสวนการเกิดอุบัติเหตุอากาศยาน ซึ่งที่ผ่านมา กรณีการเกิดอุบัติเหตุ กระทรวงคมนาคม ตำรวจ ได้ปฎิบัติงานร่วมกันอย่างบูรณาการมาโดยตลอด" นายชาติชาย กล่าว
สำหรับกรณีเที่ยวบินดีเลย์นั้น เป็นอีกประเด็นที่ไม่เกี่ยวกับการเกิดอุบัติเหตุ แต่อาจเกิดจากปัญหาขัดข้อง ซึ่งมีหลายปัจจัย ซึ่งทางนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ได้ให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ให้กำชับสายการบิน ให้ปฎิบัติตามมาตรฐาน ซึ่งหากมีการดีเลย์ จะต้องมีการดูแลผู้โดยสารอย่างไร พร้อมกันนี้ ให้สายการบินตรวจสอบสาเหตุและชี้แจง พร้อมกับเรียกสายการบินที่เกิดปัญหาดีเลย์บ่อยๆ มาพูดคุย และตรวจสอบว่าเกิดจากความจำเป็นจริงๆ หรือมาจากปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง