นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวถึงความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน พ.ศ... หรือ ร่าง พ.ร.บ. อสม. ที่กำลังพยายามผลักดันให้เกิดขึ้นเพื่อความมั่นคงให้กับเหล่า อสม. ทั่วประเทศว่ากรณีของร่าง พ.ร.บ.อสม.ที่ไปค้างกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลังนั้น ล่าสุดเรียบร้อยแล้วโดยคาดว่า จะนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 โดยได้เปลี่ยนจากการใช้ "กองทุน" เป็นการแยกบัญชีสำหรับสนับสนุน อสม.เป็นการเฉพาะและกำหนดให้มีเงินทรัพย์สินและดอกผลที่มาจากการบริจาคช่วยเหลือเยียวยาและสวัสดิการ

นายสมศักดิ์ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า เรื่องนี้นายกฯบอกยอมไม่ได้ถ้าไม่มีกองทุนก็ต้องมีบัญชีแยกเฉพาะสำหรับพี่น้อง อสม.โดยเร่งรัดให้มีการดำเนินการโดยเร็วฉะนั้น ขอให้พี่น้อง อสม. ช่วยกันรณรงค์ป้องกันโรค NCDs (โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง) เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยแล้วมีงบประมาณเหลือคาดว่า น่าจะลดลงได้ประมาณ 2-3 หมื่นล้านบาท เมื่อประหยัดได้ เงินส่วนนี้ได้ตกลงกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) แล้วให้ผลักดันมาเข้าเป็นบัญชีของ อสม. รวมถึงเงิน 5 % จากการแจ้งเบาะแสจับยาเสพติดซึ่งตั้งเป้าหมายในวันที่ 20 มีนาคม 2568 นี้ คนไทยต้อง นับคาร์บเป็น จำนวน 20 ล้านคนและสิ้นปีงบประมาณนี้ขอให้ได้ 50 ล้านคน" นายสมศักดิ์ กล่าว

ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ รมว.สธ.ได้เคยให้รายละเอียดในการตอบกระทู้สดที่รัฐสภาเกี่ยวกับสาระสำคัญของ ร่าง พ.ร.บ. อสม. ไว้โดยระบุว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้ แบ่งออกเป็น 4 หมวด 56 มาตราและมีบทเฉพาะกาลรองรับ กำหนดให้มีคณะกรรมการ อสม. 3 ระดับ เพื่อคอยบริหารจัดการกิจการของ อสม. ทั่วประเทศ ประกอบด้วย  1. คณะกรรมการ อสม. ระดับชาติ ทำหน้าที่เสนอนโยบาย กำหนดหลักสูตรพัฒนาศักยภาพ อสม. 2. คณะกรรมการ อสม. ระดับเขต ทำหน้าที่กำกับติดตาม ให้มีการขับเคลื่อนตามแผนงาน 3. คณะกรรมการ อสม. ระดับจังหวัด ทำหน้าที่ขับเคลื่อนทำงานตามแผน และตรวจสอบการทำงานของ อสม. ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด รวมถึงการกำหนดคุณสมบัติของ อสม. ต้องผ่านการฝึกอบรมตามหลักสูตรที่กำหนดและให้ทำงานเป็น อสม. โดยไม่มีระยะเวลาเกษียณ หรือสามารถทำงานได้ไปตลอดชีวิต หากสมัครใจต้องการเป็นจิตอาสาเพื่องานสาธารณสุขของประเทศ

นายสมศักดิ์ กล่าวย้ำว่า ร่าง พ.ร.บ. อสม.ฯ จะช่วยทำให้ อสม. มีความมั่นคงและยั่งยืนโดยจะได้รับค่าป่วยการเดือนละ 2,000 บาท โดยไม่ต้องขออนุมัติจาก ครม. ในทุก ๆ ปีอีกต่อไป อีกทั้งยังทำให้ อสม. มีเครดิตมากขึ้นจากสถาบันการเงินที่เริ่มสนใจให้ อสม. เข้าถึงแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เป็นต้น เชื่อว่าในอนาคตเมื่อกฎหมาย อสม. นำมาบังคับใช้จะทำให้เครดิต อสม. เพิ่มมากขึ้นและเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อใช้ประกอบอาชีพได้มากขึ้น