(2 เม.ย.68) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวในรายการ “กรรมกรข่าว คุยนอกจอ” โดยผ่านการโฟนอินในช่วงหนึ่ง ว่า กรณีของเหตุภัยพิบัติที่ตึก สตง. ในประเทศไทยไม่มีใครมีประสบการณ์ขนาดนี้มาก่อนในสเกลนี้ เราก็มีทีมที่มาช่วยกันก็คงมีความเห็นแตกต่างได้ในเรื่องการปฏิบัติงานอยู่บ้าง เพราะว่าคนบางอาจจะไม่อยู่หน้างานก็อาจจะไม่รู้สภาพที่แท้จริง หรืออาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกัน แต่คิดว่าประเด็นแรกที่เราก็ต้องเชื่อก่อนว่ามีผู้รอดชีวิตอยู่ ช่วงแรกก็เป็นแบบ Rescue Operation คือการเข้าไปช่วยชีวิต ในการ ช่วยชีวิตก็มีไกด์ไลน์ 72 ชั่วโมง แต่ก็มีหลายกรณีที่คนอยู่รอด 5-6 วัน เพราะฉะนั้นในช่วง 2-3 วันแรก คือการพยายามเข้าไปค้นหาแต่อาจจะติดว่าเข้าไม่ได้เพราะมีอุปกรณ์ต่างๆ จากนั้นจะเริ่มทยอยเอาของออก ก็เป็นเฟสที่เราเอาของออกเพื่อเปิดโพรงต่างๆ ให้มากขึ้นแล้วเข้าไป จากนั้นถ้ายังไม่เจออีกก็จะใช้อุปกรณ์หนักเข้าไปเพิ่มมากขึ้น แต่อุปกรณ์หนักเข้าไปก็จะมีเสี่ยงในการที่ว่าอาจจะมีการพัง อาจจะมีคนอยู่ อาจจะมีผลกระทบเยอะขึ้น แต่ก็ต้องเป็นไปตาม process  ซึ่งก็มีการคุยกันในทีมงานและเราไม่ได้เป็นทีมงานคนเดียว เรามีทั้งผู้เชี่ยวชาญจากหลายประเทศที่มาร่วมคุยกัน เป็นคนที่ผ่านการอบรมต่างๆ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรแต่ก็น้อมรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์เต็มที่เพื่อนำไปปรับปรุงขณะนี้จะยังไม่มีการยุติปฎิบัติการค้นหาชีวิต เพียงแต่ว่าวันนี้เวลาประมาณ 6 โมงเย็น อาจจะพิจารณาว่าเราจะเริ่มเอาเครื่องมือหลักเข้าเพิ่มขึ้น เป็นการช่วยเหลืออีกรูปแบบหนึ่งเป็น Recovery and Rescue คือการรื้อหนักขึ้น แต่ในการรื้อก็คอย monitor เรื่องการช่วยชีวิตด้วยต้องทําคู่ขนานกันไป“ถามว่าทําไมต้องไปอยู่หน้างาน ก็ต้องเข้าไปเพื่อเข้าใจว่าสถานการณ์เป็นยังไง เราไม่ได้ไปทําอะไร เราไม่มีความรู้ แต่เราไปสังเกตว่า จุดอยู่ตรงไหน อุปกรณ์เป็นยังไง การเชื่อมโยงแต่ละทีมงานเป็นยังไง ซึ่งอาจจะมีประเด็น เช่น เรามีทีมงานต่างชาติมาเยอะ เรื่องภาษาอาจจะเป็นเรื่องหนึ่งที่อาจจะมีการสื่อสารด้วย ล่ามเองก็ไม่ได้เก่งเรื่องการปีนป่ายขึ้นไป ในบางจังหวะล่ามก็ต้องปีนขึ้นไปสูงเพราะเขาต้องไปกับทีมกู้ภัย ซึ่งอาจจะมีหลายประเด็นที่ต้องมาอาจจะต้องดูในอนาคตด้วย” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว