นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า ในยุค Energy 4.0 ที่ต้องปรับตัวให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี กฟผ. จึงส่งเสริมการคิดค้นนวัตกรรม และงานวิจัยที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและเสริมความมั่นคงของระบไฟฟ้า อาทิ หุ่นยนต์ทำความสะอาดลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้าขณะจ่ายไฟ ป้องกันการลัดวงจรของอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เกิดจากความสกปรกบนลูกถ้วย โดยไม่กระทบต่อการใช้ไฟฟ้าของประชาชน การพัฒนาซอฟท์แวร์ และแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ต่างๆ เพื่อเสริมประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าและระบบส่งในยุคดิจิตอล ได้แก่ การแก้ปัญหา Power System Oscillation ที่ช่วยลดความไม่เสถียรของระบบไฟฟ้าซึ่งมักเกิดขึ้นกับสายส่งที่มีระยะทางไกล เช่น ในพื้นที่ภาคใต้ ไม่ให้เกิดปัญหาไฟฟ้าดับในวงกว้าง ซึ่งทั้ง 2 ผลงานสิ่งประดิษฐ์ยังสามารถคว้ารางวัลเหรียญทองจากเวทีนานาชาติในการประกวด “46th International Exhibition of Inventions Geneva” ณ กรุงเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส โดยมีนักวิจัยจากทั่วโลกนำผลงานเข้าประกวดกว่า 1,000 ผลงาน รวมถึงรางวัลพิเศษจากประเทศจีนด้วย
นอกจากนี้ กฟผ. ยังมุ่งมั่นดูแลสิ่งแวดล้อมและชุมชน วิจัยและพัฒนาผลพลอยได้จากการผลิตไฟฟ้าให้เป็นผลิตภัณฑ์ สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและรายได้ให้กับชุมชน อาทิ การนำเถ้าหนักจากการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าแม่เมาะมาผลิตเป็นบล็อกก่อผนังมวลเบาซึ่งมีความเป็นฉนวนความร้อนดีกว่าคอนกรีตบล็อกทั่วไป โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการทางเคมีหรือ ให้ความร้อนจึงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีีต้นทุนต่ำ การสกัดกรดฮิวมิกจากลีโอนาร์ไดต์ที่ได้จากกระบวนการทำเหมือง ซึ่งมีธาตุอาหารที่จำเป็นสำหรับพืชจำนวนมาก นำมาผสมกับวัสดุเหลือใช้ต่างๆ เช่น มูลไก่ กากส่าเหล้า และกากตะกอนอ้อย กลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์ หรือสารปรับปรุงคุณภาพดินให้กับวิสาหกิจชุมชนนำไปใช้
“วันนี้เทคโนโลยีและนวัตกรรม เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศไปสู่ความยั่งยืนในอนาคต ซึ่ง กฟผ. ไม่ได้มุ่งส่งเสริมเฉพาะพนักงานเท่านั้น แต่ยังให้ทุนกับภาคส่วนต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการคิดค้นสร้างสรรค์นวัตกรรม เพื่อนำไปพัฒนาประเทศทั้งในมิติทางสังคมและเศรษฐกิจโดยรวม” ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวในตอนท้าย