นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานมูลนิธิมัลลิกาเพื่อประชาชน กล่าวว่า อยากขอของขวัญให้กับเกษตรกรไทยจาก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยใช้วาระการทำงานหนึ่งปีที่เหลืออยู่เร่งรัดผลักดันราคาพืชผลการเกษตร ให้เห็นผลโดยเร็วที่สุดไม่เช่นนั้น คงสายเกินไปสำหรับการจะดูแลเกษตรกร โดยเฉพาะปาล์ม ยางพารา และขณะนี้ที่วิกฤตหนักคือสับปะรด
นางมัลลิกา กล่าวว่า จากข้อมูลสำมะโนการเกษตรของสำนักงานสถิติแห่งชาตินั้นประเทศไทยเรามีผู้ถือครองทำการเกษตรทั้งสิ้น 5.9 ล้านราย มีผู้ถือครองพื้นที่ทำการเกษตร 116.6 ล้านไร่ เกษตรกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเนื้อที่ทำการเกษตรมากที่สุดคือ 54.6 ล้านไร่ รองลงมาคือภาคเหนือ 27.5 ล้านไร่ ภาคกลาง 16.6 ล้านไร่ และภาคใต้ 14.9 ล้านไร่
“ครอบครัวเกษตรกร 5.9 ล้านราย มีภาระจะต้องดูแลผู้สูงอายุและมีเยาวชนลูกหลานวัยเรียน ที่ต้องเข้ารับการศึกษาโดยข้อมูลของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาระบุว่า เด็กและเยาวชนผู้ยากจนมีจำนวน 4.3 ล้านคน ซึ่งเด็กเยาวชนเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนอยู่ในครอบครัวของเกษตรกร ดังนั้นจึงอยากใช้โอกาสวันพืชมงคลหรือวันเพื่อเกษตรกรไทยให้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลมอบของขวัญแก่พวกเขาซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม ในอำนาจของรัฐบาลที่ชัดเจนที่สุดคือผลักดันราคาพืชผลการเกษตรที่ตกต่ำหลายชนิดในรอบ4ปีที่ผ่านมา ซึ่งปัญหานี้ทำให้ครอบครัวเกษตรกรลำบากกระทบไปถึงบุคคลที่เขาดูแลทั้งคนสูงอายุและเยาวชนที่จะต้องออกจากระบบการศึกษาไปจำนวนหนึ่ง” นางมัลลิกา กล่าว
นางมัลลิกา กล่าวว่า อยากเสนอวิธีการที่รวดเร็วและง่ายที่สุด คือใช้อำนาจคณะรัฐมนตรี(ครม.)จัดเก็บภาษีนำเข้าพืชเกษตรจากต่างประเทศ เพื่อให้พืชเกษตรภายในประเทศมีราคาสูงขึ้น และจะได้ภาษีมาบำรุงประเทศอีกด้วย นอกจากนี้อยากให้ตรวจสอบการลักลอบนำเข้าพืชเกษตรหรือน้ำมันปาล์มไม่เช่นนั้นคงยากที่จะกระชากราคาปาล์มดิบของเกษตรกรให้สูงขึ้น ขณะเดียวกันคณะรัฐมนตรีก็ควรใส่ใจดูแลราคาสับปะรด และพืชผลเกษตรอื่นๆที่กำลังเผชิญกับภาวะล้นตลาดขณะนี้ด้วย