นายเยี่ยม ถาวโรฤทธิ์ รักษาการ ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่า จะเดินหน้าแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำ โดยการพัฒนาให้ประเทศไทยเปลี่ยนจากประเทศส่งออกยางเป็นวัตถุดิบเป็นประเทศผู้ใช้และส่งออกยางแปรรูป โดยจะเร่งเดินหน้าจดทะเบียนนิติบุคคล เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับสหกรณ์ชาวสวนยาง ทั่วประเทศที่มีสมาชิกประมาณ 2 ล้านคน
ทั้งนี้ เพื่อทำธุรกิจในการซื้อขาย แปรรูป และส่งออกยางพาราทั้งในประเทศและตลาดต่างประเทศ ทั้งยางแผ่นดิบ น้ำยางข้น และสินค้าแปรรูปจากยางพารา โดยจะเร่งหารือกับกระทรวงพาณิชย์และกรมส่งเสริมสหกรณ์ ในการจดทะเบียนตั้งบริษัท คาดว่าจะใช้เวลา 1 เดือน หลังจากนั้นจะเดินหน้ารวบรวมกำลังการผลิตและโรดโชว์ตลาดต่างประเทศทั้งจีนและอื่นๆ รวมทั้งการจับมือกับอาลีบาบาซื้อขายผ่านตลาดออนไลน์
อย่างไรก็ตาม ในเร็วๆ นี้ จะเชิญตัวแทนเกษตรกรชาวสวนยางทั่วประเทศร่วมหารือแนวทางดังกล่าวและสำรวจกำลังการผลิต ชนิดของยางที่ผลิตของแต่ละสหกรณ์ เพื่อจะได้รับทราบถึงปริมาณสินค้าที่จะร่วมกันผลิตได้ ทั้งนี้ ตลาดสำคัญ เช่น จีนที่ใช้ยาง 30% ของผลผลิตโลกที่มี 20 ล้านตัน กยท.จะตั้งบริษัทตัวแทนจำหน่ายที่เมืองชิงเต่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน คาดว่าแนวทางนี้จะทำให้สหกรณ์ใช้ยางดิบในประเทศเป็นวัตถุดิบเพิ่มขึ้นกว่า 15% จากผลผลิตปัจจุบันอยู่ที่ 4 ล้านตัน ภายใน 3-5 ปี จะเพิ่มใช้ยางอีก 3.5 ล้านตัน/ปี
ทั้งนี้ นายเยี่ยม ถาวโรฤทธิ์ ได้รับการแต่งตั้ง ให้ดำรงตำแหน่งรักษาการ ผู้ว่าการ กยท. แทน ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย ที่ขอออกจากรักษาการผู้ว่าฯ กยท. จากที่กังวลว่าการทำงานจะไม่เต็มประสิทธิภาพ เนื่องจากมีงานอื่นต้องรับผิดชอบหลายอย่าง ขณะที่ภารกิจของ กยท. ต้องเดินหน้าทำอย่างเร่งด่วนทั้งด้านการดูแลเกษตรกร สถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง และผู้ประกอบกิจการยาง รวมไปถึงการบริหารกิจการภายในของ กยท. ดังนั้นบอร์ดจึงยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งรักษาการแทนผู้ว่าการ กยท. ลงวันที่ 28 มีนาคม 2561และแต่งตั้งให้ นายเยี่ยม ถาวโรฤทธิ์ ให้ดำรงตำแหน่ง รักษาการผู้ว่าการ กยท. แทน
สำหรับ นายเยี่ยม ถาวโรฤทธิ์ เคยดำรงตำแหน่งเศรษฐกร 8 สถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการเกษตร และเคยดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทร่วมทุนยางพาราระหว่างประเทศ จำกัด (IRCO) ซึ่งถือเป็นผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ในเรื่องยางพารามาเป็นเวลานาน จะสามารถเข้ามาปฏิบัติหน้าที่รักษาการฯ เพื่อผลักดันภารกิจของ กยท. ให้เดินหน้าต่อไปได้
