ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
ท้องถิ่นไทย ย้อนกลับ
สองยายไม้ใกล้ฝั่งนั่งขายป๋องแป๋งของเล่นประทังชีวิต
03 พ.ค. 2568

ไม่รู้ว่าเป็นโชคชะตาหรือกรรมลิขิตที่ทำให้สองยายที่เปรียบเหมือนไม้ใกล้ฝั่งมาพบและมาอยู่ร่วมกัน ยายคนหนึ่งเป็นหม้ายสามีตายไปเมื่อกลางปีที่แล้ว กับอีกยายที่ถูกหลานซึ่งเป็นลูกของลูกสาวแท้ๆนำมาทิ้งไว้ที่ศาลาริมทางหน้าวัดบ้านด่านศรัทธาอุดม หรือวัดหลวงพ่อเอีย อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี กระทั่งยายหม้ายไปเจอสอบถามรู้ความจริงสงสารจึงชวนมาอยู่ด้วยเพราะบ่นว่าอยากตาย

ผู้สื่อข่าวไปพบหญิงชราสองคนนั่งขายป๋องแป๋ง และลูกข่างจักจั่นของเล่นเด็กที่โคนต้นไม้หน้าองค์ท้าวเวสสุสรรณ วัดปทุมบูชา อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี เพื่อจะได้ขายให้กับเด็กที่ผู้ปกครองพามาไหว้ท้าวเวสสุวรรณ ด้วยสายตาที่เหมือนคนหมดหวังในชีวิต จึงได้เข้าไปสอบถามพูดคุยกับ ยายเพ็ญ หรือนันทกา  จันทรมี อายุ 75 ปี เล่าว่า ในทุกวันเสาร์ อาทิตย หริอวันหยุดจะมานี่งขายป๋องแป๋ง และลุกข่างจั๊กจั่นที่วัดเป็นประจำโดยมียายศศิธร  กอบอาษา อายุ 77 ปี มานั่งเป็นเพื่อนข้างๆ

ยายเพ็ญ เล่าว่า ป๋องแป๋ง กับลูกข่างจักจั่นที่นำมาขายนั้นตนเองเป็นคนทำเองกับมือไม่ได้ไปรับหรือซื้อมาจากไหนเพราะ ตาวิรัตน์ สามีสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ยึดอาชีพทำป๋องแป๋งและลูกข่างจั๊กจั่นขายในราคาอันละ 20 บาทโดยที่ตนเป็นคนคอยช่วยจึงพอมีความรู้ในการทำอยู่บ้าง หลังตาเสียไม่รู้จะทำอะไรเพราะอายุมากแล้วจึงยึดเป็นอาชีพต่อจากตาวิรัตน์เรื่อยมา

ส่วนยายศศิธร นั้น ยายเพ็ญ เล่าว่าช่วงนั้นตนขับรถจักรยานยนต์พ่วงข้างไปซื้อของที่ อ.ประจันตคาม ขับผ่านไปเห็นนั่งอยู่คนเดียวที่ศาลาริมทางหน้าวัดมีกระเป๋าและของใช้อยู่ข้างๆจึงเข้าไปสอบถามจึงรู้ความจริงว่า โดนหลานซึ่งเป็นลูกของลูกสาวแท้ๆ ที่รับราชการอยู่ในหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่งใน จ.ปราจีนบุรี เอามาทิ้งไว้ไม่ได้กินข้าวกินน้ำ เครียดบ่นอยากตาย จึงชวนมาอยู่ด้วยกันแม้จะไม่สุขสบายแต่ก็ยังดีกว่าไม่รุ้จะไปทิศทางไหนและกลัวว่าจะคิดสั้นรวมระยะเวลาที่มาอยู่ด้วยกันนานเกือบปี แม้จะอดๆอยากๆแต่ก็ทำให้สภาพจิตในของยายศศิธร ดีขึ้น

หลังได้ฟังเรื่องราวทียายเพ็ญเล่าให้ฟัง ผู้สื่อข่าวจึงขอเหมาของเล่นที่เหลือทั้งหมดแล้วให้ยายเพ็ญเอาไปแจกเด็กๆที่มากับพ่อแม่ ก่อนตามยายทั้งสองไปยังบ้านพักที่อยู่ห่างจากวัดราว 3 กิโลกว่า แต่เมื่อมาถึงกลับต้องสลดใจหนักเมื่อพบว่าบ้านที่ทั้งสองพักมีสภาพเหมือนกล่องสี่เหลี่ยมมีข้าวของเครื่องใช้ทั้งดีและเสียกองสุมจนแทบไม่มีที่นอน  มีเตียงเก่าๆปูด้วยผ้าบางๆแทนที่นอนที่ยายเพ็ญเสียสละให้ยายศศิธรขึ้นไปนอนแทนเพราะแข้งขาไม่ดีลุกนั่งลำบากส่วนตัวยายเพ็ญเองมานอนด้านล่างกลางบ้านซึ่งดูแล้วเป็นพื้นที่ที่เป็นทั้งที่นอน ที่กิน และที่ทำงานรวมกัน

ยายเพ็ญ เล่าให้ฟังในขณะที่ก็ต้องทำป๋องแป๋งเพื่อจะได้เอาไปขายในวันต่อไปว่า ทุกวันนี้อยู่ด้วยเงินคนแก่เดือนละ 700 บาท กับป๋องแป๋ง และลูกข่างหมุนจั๊กจั่นที่ทำเองเป็นมรดกที่ตาวิรัตน์ทิ้งไว้ให้ โดยจะซื่ออุปกรณ์บางส่วน อีกส่วนจะทำเองเมื่อประกอบเสร็จก็จะเอาไปขายวันๆหนึ่งได้ไม่ถึงร้อยบาท ทำให้บางวันไม่มีข้าวสารหุงก็อยู่กินแบบอดมื้อกินมื้อ อาหารหลักก็คือไข่และน้ำปลาซึ่งบ่อยครั้งที่ต้องกินถ้าขายของเล่นไม่ได้ก็เอาน้ำปลาที่เหลือมาคลุกข้าวแบ่งกันกิน บางครั้งก็อาศัยข้าววัดเมื่อมาขายของที่วัด มันเป็นปกติของชีวิตจนเคยชินทุกวันนี้ไม่เคยมีหน่วยงานไหนมาให้การช่วยเหลือหรือหยิบยื่นใดๆมาให้ก็ต้องช่วยตัวเองเพราะตนไม่มีลูกหลานแต่ถึงจะมีก็คงไม่คิดจะไปพึ่งพา ดูอย่างยายศศิธร ซึ่งมีลูกที่ทำงานรับราชการมีหน้ามีตาในสังคมยังไม่เลี้ยงแม่มีลูกก็ยังทิ้งไว้ให้เลี้ยงจนโตสุดท้ายหลานซึ่งที่เลี้ยงมากับมือก็ยังเอามาทิ้งเพราะไม่อยากเอาไว้เป็นภาระ แต่คิดว่าเค้าคงมีเหตุผลหรือความจำเป็นจึงต้องทำแบบนี้ เมื่อตนพามาอยู่ก็ต้องดูแลกันไป ก็ไม่ได้ให้ยายศศิธรทำอะไรเพราะทำไม่ได้ เวลาไปขายก้ไม่กล้าทิ้งไว้คนเดียวพากันตะลอนขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างที่ตาวิรัตน์ทิ้งไว้ให้พากันไปด้วยกันทุกครั้ง ก็จะดูแลกันไปตามอัตภาพจกว่าวันสุดท้ายชองชีวิตจะมาถึง

หลังพูดคุยกับยายทั้งสองไม่ได้ต้องการเรียกร้องแค่อยากให้เป็นอุทหารณ์ แม่เลี้ยงลูกได้หลายคนแต่แม่คนเดียวลูกหลายคนกลับไม่สามารถเลี้ยงดูแม่คนเดียวได้ จึงอยากฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยื่นความช่วยเหลือสองยายให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นหรือใครที่อยากจะช่วยเหลือหยิบยื่นสิ่งของเงินทองเล็กๆน้อยๆแค่พอปะทังชีวิตสามารถโอนได้ที่ บัญชีธนาคาร เกษตรและสหกรณ์ หรือ ธกส. หมายเลขบัญชี 0201 5678 5090 ชื่อ นันทกา  จันทรมี หรือจะโทรสอบถามยายเพ็ญ หรือยายนันทกา ที่โทร 091 812 1138 

ธนปกรณ์ วิศวามิตร / ปราจีนบุรี รายงาน

                                            081-2863615

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 1 - 15 พฤษภาคม 2568
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
21 เม.ย. 2568
“กีฬา ... กีฬา ... เป็นยาวิเศษ” ส่วนหนึ่งของคำประพันธ์ที่นำมาร้องกันในสมัยก่อน หรืออาจจะร่วมถึงในยุคสมัยนี้ด้วยก็คงไม่ผิด และแน่นอนความหมายของนั้นก็คือ การเล่นกีฬา การออกกำลังกายนั้น มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายเปรียบเสมือนเกราะป้องกันโรคภัยของเรานั่นเอ...