นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. แถลงถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรีไม่อนุมัติงบประมาณ ที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอไป 8135.56 ล้านบาท เพื่อใช้ในส่วนงานสาธารณูปโภค ไฟรอบอาคาร เครื่องปรับอากาศ และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ในการจัดสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ว่า สํานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้ขออนุมัติงบประมาณกว่า 15,000 ล้านบาท แต่คณะรัฐมนตรีในขณะนั้นอนุมัติงบประมาณเพียง 11,500 ล้านบาท ยังเหลืออีก 3,500 ล้านบาท ที่เป็นงบประมาณสาธารณูปโภค ไฟรอบอาคาร เครื่องปรับอากาศ และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วคิดว่า อาจมีเหตุผลว่าระหว่างอาคารยังสร้างไม่เสร็จ ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศอาจจะเจริญก้าวหน้าและราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้ จึงไม่ได้อนุมัติงบประมาณในส่วนนี้ไปพร้อมกับค่าก่อสร้าง แต่หากจะรับทราบเหตุผลที่แท้จริงก็ไม่สามารถตอบแทนได้ ต้องให้คณะรัฐมนตรีในขณะนั้นเป็นผู้ชี้แจง ไม่อยู่ในอำนาจที่ประธาน สนช. จะชี้แจงแทนได้ และอำนาจที่มีอยู่ในตอนนี้ก็เข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ และควบคุมการจัดสร้างรัฐสภาให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้

ส่วนข้อสังเกตของนายกรัฐมนตรีว่างบประมาณกว่า 8,135 ล้านบาทแพงเกินจริง ที่เป็นสาเหตุให้คณะรัฐมนตรีไม่อนุมัติงบประมาณนั้น นายพรเพชรบอกว่า ก่อนหน้านี้ตนเองก็ได้ตั้งข้อสังเกตว่าราคาที่แพงขึ้นในช่วงระยะเวลาไม่กี่ปีจาก 3,000 กว่าล้านบาท เป็น 8,000 กว่าล้านบาท อาจเป็นงบประมาณที่แพงเกินจริง แต่ก็ได้รับการชี้แจงมาว่าค่าวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ จะมีการพัฒนาดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลงคะแนน ความปลอดภัย การตรวจสอบองค์ประชุม ซึ่งก็ได้กำชับกับเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรให้ชี้แจงเรื่องนี้ให้ได้ ซึ่งเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจะมาชี้แจงต่อสื่อมวลชนในวันพรุ่งนี้

นายพรเพชร บอกว่า ประธานสนช. ไม่ได้มีอำนาจไปก้าวก่ายการจัดสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ เพียงแต่มีอำนาจควบคุมดูแลในเชิงนโยบายเท่านั้น ส่วนความรับผิดชอบหลักอยู่ที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ขณะนี้ยังไม่พบการทุจริตเกิดขึ้นในส่วนนี้ แต่หากพบข้อมูลว่ามีการทุจริตก็ยืนยันที่จะดำเนินการอย่างเต็มที่และขอให้สังคมช่วยกันตรวจสอบ ส่วนการกำหนดความเหมาะสมและราคาค่าวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ก็ได้รับการชี้แจงมาว่ามีการหารือกันระหว่างสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรกับสำนักงบประมาณมาโดยตลอด

ทั้งนี้นายพรเพชรบอกด้วยว่า การวางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและสาธารณูปโภคภายในอาคาร จะต้องทำไปควบคู่กับการจัดสร้างอาคารหลัก ซึ่งขณะนี้ทางบริษัทชิโนไทยได้เร่งมา เพราะกำลังจะทำการปิดเพดานอาคารแล้ว หากยังไม่ได้บริษัทเข้ามาวางระบบในส่วนนี้ ทางชิโนไทยก็อาจจะดำเนินการจัดสร้างอาคารหลักไปก่อน แล้วค่อยให้บริษัทที่รับผิดชอบด้านการวางระบบมารื้ออาคารเพื่อติดตั้งในภายหลัง ซึ่งอาจจะกระทบต่อระยะเวลาการก่อสร้าง แต่จะพยายามควบคุมการก่อสร้างไม่กระทบหรือกระทบน้อยที่สุด