คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ด้วยกระแสความตื่นตัวในการรักป่ารักสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันจะเห็นว่าประชาชนพร้อมในการที่จะออกมาปกป้องผืนป่า โอกาสนี้จึงอยากให้รัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา รื้อนำปลูกป่าใช้หนี้ เดิมของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาปรับใช้จะถือว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศและประชาชนมาก
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เนื่องจากมีการแก้ไข พรบ.ป่าไม้ 2484 ให้สามารถต้ดต้นไม้มีค่าที่ปลูกในพื้นที่เอกสิทธิ์ของตนเองได้ จึงแนะนำว่าเกษตรกร ประชาชน สามารถแบ่งที่นา-ที่ไร่สวนของตนสัก 1-2 ไร่ นำมาปลูกต้นไม้มีค่าต่างๆ รายละประมาณ 100-200 ต้น ทั้งเก็บไว้เป็นบำนาญให้ตนเองเมื่อเกษียณและเก็บไว้เป็นมรดกให้ลูกหลานได้อีก
โครงการปลูกต้นไม้ใช้หนี้ หรือโครงการธนาคารต้นไม้ เดิมนั้นรัฐบาลเมื่อปี 2552 ได้มีแต่งตั้งคณะกรรมการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนแห่งชาติ (ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 45/2552 ลงวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2552) เพื่อจัดทำและเสนอแนะกรอบแนวทางและแผนงานในการที่รัฐบาลจะเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และโดยที่รัฐบาลให้ความสำคัญเรื่อง โครงการธนาคารต้นไม้ ซึ่งผู้เข้าร่วมโครงการเป็นได้ทั้งผู้ที่สนใจทั่วไปและผู้ที่ประสงค์จะปลูกต้นไม้ใช้หนี้
โดยประธานกรรมการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนแห่งชาติได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการธนาคารต้นไม้ โดยยุคนั้นมีทนายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ รักษาการผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) เป็นประธาน รูปแบบโครงสร้างนี้สามารถที่จะนำมาปัดฝุ่นปรับใช้ให้เข้ายุคสมัยปัจจุบันได้อีกโดยให้มีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์เป็นเจ้าภาพ
คุณหญิงกัลยา กล่าวว่า ขณะนี้ปี 2561 ทราบว่ามีการแก้กฎหมายป่าไม้ปี 2484 กำลังจะบังคบใช้เร็วๆนี้อีกด้วย ดังนั้นนโยบายเดิมสมัยปี 2552 สามารถปฏิบัติได้โดยมีกฎหมายรองรับนับจากนี้ ก็ถือว่าจะทำให้ประชาชนสบายใจที่จะเข้าร่วมโครงการขณะที่ทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ก็สามารถเป็นเจ้าภาพได้ตามนโยบายอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ