“สุริยะ” ยันใช้เงิน รฟม. 8,000 ล้านบาท ดัน “รถไฟฟ้า 20 บาท” เริ่ม ก.ย.นี้ เผยอยู่ระหว่างหารือ “คลัง” กำหนดแนวทางจัดใช้เงินให้ถูกระเบียบกฎหมาย คาดได้ข้อสรุปภายใน 2 สัปดาห์
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้านโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย โดยระบุว่า ก่อนหน้านี้กระทรวงฯ มีเป้าหมายจะนำร่างพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (พรบ.รฟม.) ซึ่งจะเป็นฉบับปรับปรุงให้มีความทันสมัย สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และสนับสนุนนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย นำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา
แต่อย่างไรก็ดี ยังไม่สามารถดำเนินการเสนอเรื่องดังกล่าวให้ ครม.พิจารณาได้ เนื่องจากกระทรวงการคลังมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการจัดใช้เงินกำไรสะสมของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ที่ได้จากส่วนแบ่งรายได้ของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน เพื่อไปใช้ชดเชยส่วนต่างรถไฟฟ้าสายสีอื่นๆ นั้นอาจไม่สามารถดำเนินการได้โดยตรง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการหารือในรูปแบบการใช้เงินให้รอบคอบ เป็นไปตามระเบียบกฎหมาย คาดว่าจะหารือแล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์นี้
“พรบ.รฟม. เป้าหมายของกระทรวงฯ จะเอาเข้า ครม.เมื่อ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อเสนอเรื่องนี้ให้ทันการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญในวันที่ 28 - 30 พ.ค.นี้ แต่ทราบว่าการปรับแก้ พรบ.รฟม.ที่ต้องนำเงินกำไรสะสมไปส่งให้กองทุนตั๋วร่วมที่จะอยู่ภายใต้ พรบ.ตั๋วร่วมนั้น ต้องหารือกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลังก่อน แต่ รฟม.ไม่ได้หารือในรายละเอียดนี้ ทำให้ตอนนี้ รฟม.ต้องกลับไปหารือกรมบัญชีกลางก่อน ว่าจะสามารถนำเงินนี้มาใช้ในรูปแบบใด เพื่อแก้ พรบ.รฟม.ต่อไป”
นายสุริยะ กล่าวด้วยว่า กระทรวงฯ ยังมั่นใจว่าจะสามารถผลักดันนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายได้ตามเป้าหมายภายใน 30 ก.ย.นี้ เนื่องจากปัจจุบันมีความพร้อมในผลการศึกษาทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงการหารือเพื่อนำเงินกำไรของ รฟม.มาเข้ากองทุนตั๋วร่วม และชดเชยส่วนต่างรายได้ที่จะเกิดขึ้นในรถไฟฟ้าสายอื่นๆ ซึ่งกระทรวงฯ ยังยืนยันว่ามาตรการนี้ จะใช้เงินชดเชยเพียง 8,000 ล้านบาทต่อปี ไม่มีการปรับเพิ่มกรอบวงเงินเป็น 9,500 ล้านบาท
"เรื่องตัวเลข 9,500 ล้านบาท ไม่ทราบว่าใครประเมินแล้วเป็นตัวเลขมาจากไหน เพราะกระทรวงฯ ยังคงประเมินกรอบวงเงินไว้ที่ 8,000 ล้านบาทในปีแรก รวมทั้งเรื่องที่ตัวเลขชดเชยรถไฟฟ้าสายสีเขียว กทม.ขอชดเชย 8,000 ล้านบาท ก็ยืนยันว่าไม่เคยมีการเจรจาเรื่องนี้ และไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะเป็นตัวเลขที่สูงเกินไป"
ขณะเดียวกัน ระหว่างนี้กรรมาธิการยังอยู่ในขั้นตอนพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. .... ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของการกำหนดจัดตั้งกองทุนตั๋วร่วม และการกำกับดูแล ชดเชยส่วนต่างค่ารายได้ของผู้ประกอบการรถไฟฟ้าทั้งหมด โดยขณะนี้ได้พิจารณาผ่านวาระ 1 แล้ว และกระทรวงฯ จะมีการเสนอเพิ่มรายละเอียดของการเปิดรับเงินเข้ากองทุนตั๋วร่วม จากเดิมกำหนดรับได้เพียงเงินบริจาค จะปรับเพิ่มให้มีเงื่อนไขรับเงินเข้ากองทุนได้หลากหลายช่องทางมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาวาระ 2 และเข้าสู่การประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) มีแนวคิดว่ารถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ ควรมีผู้บริหารจัดการหน่วยงานเดียว (Single Owner) เพราะจะทำให้การบริหารจัดการกำหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งจะหารือกับกระทรวงคมนาคมเพื่อโอนสิทธิในการบริหารรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้กับกระทรวงคมนาคมนั้น นายสุริยะ กล่าวว่า เป็นแนวคิดที่ดี เนื่องจากกระทรวงฯ ต้องการบริหารรถไฟฟ้าให้เป็นระบบและมาตรฐานเดียวกันอยู่แล้ว
ส่วนกรณีที่ กทม.มีแนวคิดขอแก้ระเบียบกฎหมายในการนำกิจการรถเมล์มาดูแลเอง เพราะปัจจุบันองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) อยู่ภายใต้กระทรวงคมนาคม หาก กทม.ได้กำกับจะทำให้การบริหารจัดการระบบขนส่งมวลชนใน กทม.ดีขึ้นนั้น นายสุริยะ กล่าวว่า เป็นแนวคิดที่ดีเนื่องจาก ขสมก.ปัจจุบันให้บริการรถเมล์ในพื้นที่ กทม.เป็นส่วนใหญ่ น่าจะเกิดประโยชน์ต่อประชาชนในการบริหารจัดการ ดังนั้นเรื่องเหล่านี้คงต้องหารือในรายละเอียดเพิ่มเติม