นายวัส ติงสมิตร ประธาน กสม. ขอให้รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของรัฐคลี่คลายปัญหาการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ อย่างละมุนละม่อม และแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการห้ามชุมนุมทางการเมืองให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของบ้านเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปสู่การเลือกตั้ง ส.ส.
เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2561 อันเป็นวาระครบ 4 ปี ในการรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นายวัส ติงสมิตร ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้กล่าวถึง 4 ปี คสช. กับสิทธิเสรีภาพของประชาชน ต่อกรณีที่ “กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง” เรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. ภายในปลายปี 2561 ว่า “เป็นกรณีที่ผู้ชุมนุมได้แจ้งการชุมนุมต่อเจ้าพนักงานตำรวจผู้รับผิดชอบตาม พระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 แล้ว แต่ตำรวจกำหนดเงื่อนไขไว้โดยห้ามจัดการชุมนุมทางการเมือง และห้ามเคลื่อนย้ายผู้ชุมนุมในลักษณะที่ขัดต่อกฎหมาย”
“ผู้ชุมนุมได้ฟ้องต่อศาลปกครองกลางขอให้ยกเลิกเงื่อนไขการชุมนุม อำนวยความสะดวกให้ผู้ชุมนุมเดินเท้าจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ไปยังทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งให้ชดใช้ค่าเสียหาย แต่ศาลปกครองกลางไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา” นายวัสกล่าว
ประธาน กสม. กล่าวต่อว่า “ ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 44 บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ แต่มีข้อยกเว้นอยู่ 4 ข้อ ที่รัฐจะจำกัดเสรีภาพดังกล่าวได้ คือ เพื่อรักษา (1) ความมั่นคงของรัฐ (2) ความปลอดภัยสาธารณะ (3)ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และ (4) เพื่อคุ้มครองสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น ซึ่งสอดคล้องกับกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR ที่ไทยเป็นภาคี) ข้อ 21”
“พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ 2558 ไม่ใช้กับการชุมนุมภายในสถานศึกษา การจัดการชุมนุมสาธารณะในรัศมี 150 เมตรจากพระราชวัง หรือภายในพื้นที่ของรัฐสภา ทำเนียบรัฐบาล และศาลจะกระทำไม่ได้ ในกรณีจำเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายมีอำนาจประกาศห้ามชุมนุมในรัศมีไม่เกิน 50 เมตร รอบรัฐสภา ทำเนียบรัฐบาล และศาลได้ และที่น่าสังเกตคือกฎหมายฉบับนี้ออกมาโดยอ้างว่า สมควรกำหนดหลักเกณฑ์การใช้สิทธิชุมนุมสาธารณะให้ชัดเจนและสอดคล้องกับกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ที่ไทยเป็นภาคี” ประธาน กสม. กล่าว
“สำหรับคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ออกมาใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2558 อันเป็นเวลาหลังการรัฐประหารไม่นาน โดยห้ามมั่วสุม หรือชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป เว้นแต่เป็นการชุมนุมที่ได้รับอนุญาต ผู้ฝ่าฝืนมีโทษทางอาญา (จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ) บัดนี้การรัฐประหารได้ล่วงเลยมา 4 ปี และสถานการณ์บ้านเมืองได้พัฒนาไปสู่โหมดการเลือกตั้ง ส.ส. แล้ว จึงควรที่รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของรัฐจะได้ผ่อนปรนให้มีการการชุมนุมทางการเมืองได้ในระยะยาว ก็ควรแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องการห้ามชุมนุมทางการเมือง” นายวัสกล่าวในที่สุด