26 มิถุนายน 2568
ศ.สุชาติ! เราไม่ลดดอกเบี้ย ทั้งที่ศก.ไทยเติบโตต่ำมาก เราปล่อยให้ค่าเงินบาทแข็งมากไป การส่งออกและท่องเที่ยวเติบโตลดลง ทำให้ปช.รายได้ลดลงและยากจนลง เราควรเปลี่ยนนโยบายจาก"กำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อ" มาเป็น "กำหนดเป้าหมายอัตราแลกเปลี่ยน"
1. ศาสตราจารย์ ดร. สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า มีข่าวว่ากรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ไม่ลดดอกเบี้ย เพราะคิดว่าเหมาะสมแล้ว ทั้งๆ ที่เศรษฐกิจไทยเติบโตต่ำมาก เงินเฟ้อติดลบ ต่ำกว่าเป้าหมายมาก ดอกเบี้ยที่เราไปกู้จริงๆ สูงมากกว่า 8-9% และมักจะกู้ไม่ได้ สินค้าที่เราผลิตขายในรูปเงินดอลลาร์แล้ว กลับมาแลกเงินบาทได้น้อยลง เพราะค่าเงินบาทแข็งเกินไปมาก ทำให้ส่งออกและท่องเที่ยวเพิ่มในอัตราลดลง ประชาชนยากจนลง ประเทศไม่เจริญเติบโต ไม่แน่ใจว่า รัฐบาลจะปล่อยให้ใช้นโยบายที่เข้มงวดเหล่านี้ ไปอีกนานแค่ไหน
2. อัตราดอกเบี้ยสูงไป, อัตราเงินเฟ้อติดลบ และอัตราแลกเปลี่ยนแข็งไป คือเหตุแห่งปัญหา รัฐบาลควรแก้ปัญหาที่เหตุ
3. ปัจจุบัน รัฐบาลหันไปใช้รายจ่ายรัฐ หวังว่าจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ ซึ่งจะได้ผลน้อย เพราะนโยบายการคลังไม่ใช่เหตุแห่งปัญหา รัฐบาลหวังจะใช้รายจ่าย 157,000 ล้านบาทไปทำโครงการ โดยจะไปกู้เงินในตลาดเงิน และไปเก็บภาษีมา โครงการเหล่านี้ คิดเป็นเงิน 0.8% ของ GDP อันนี้จะไม่สามารถฟื้นเศรษฐกิจได้มากนัก เพราะขนาดเล็กเกินไป นอกจากนี้ การกู้เงินหรือเก็บภาษีของรัฐบาล ยังไปลดรายจ่ายของประชาชนและลดการลงทุนเอกชน เกิด Crowding out effect หักลบกันไป
4. หากรัฐต้องการให้มีผลต่อเศรษฐกิจมากขึ้น ก็ต้องไปกู้เงินจากแบงค์ชาติ เพื่อให้มีการเพิ่มปริมาณเงินใหม่เข้ามา ก็คือการทำ Quantitative easing (QE) ไปพร้อมๆ กับการทำโครงการของรัฐบาลด้วย โครงการเล็กๆ ที่จะสร้างขึ้นต้องเป็นประโยชน์จริงๆ สำหรับประชาชนในท้องถิ่น และต้องขจัดคอรัปชั่น ซึ่งมีมากมาย จนประชาชนไม่ได้ประโยชน์ เนื่องจากโครงการเสียหายถูกปล่อยทิ้งร้างไว้
5. ความจริง นโยบายกำหนดเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อให้ต่ำๆ ต่ำกว่าเงินเฟ้อโลก โดยการกำหนดอัตราดอกเบี้ยของ กนง.ให้สูงๆ นั้น ทำให้ประเทศไทยเจริญเติบโตต่ำมานานกว่า 10 ปีแล้ว ประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลกไม่ใช้นโยบายนี้ แม้สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นผู้ต้นคิดก็ใช้นโยบายผสมผสาน รัฐบาลไทยควรปรับเปลี่ยน มาเป็นนโยบาย "กำหนดเป้าหมายอัตราแลกเปลี่ยน" ให้แข่งขันได้ จะดีกว่ามากครับ ดร. สุชาติ กล่าว