นายลักษณ์ วจนานวัช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมตลาดเกษตรดิจิตัล ว่า ตามที่รัฐบาลได้กำหนดนโยบายส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งนำไปสู่แผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมที่มุ่งหวังให้เกิดการนำเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัยและหลากหลายมาเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินธุรกิจและการดำเนินชีวิตของประชาชน
กระทรวงเกษตรฯ จึงจัดทำแผนยุทธศาสตร์ยกระดับการเกษตร 4.0 (ยุทธศาสตร์พระพิรุณ) เพื่อเป็นการพัฒนาตลาดเกษตรดิจิทัลทั้งบนแพลตฟอร์ม e-Matching Market (EMM) และด้านกายภาพค้าปลีกและค้าส่ง มุ่งหวังเพื่อยกระดับการค้าสินค้าเกษตรตามหลักตลาดนำการผลิตของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายกฤษฎา บุญราช) ด้วยเครื่องมือจับคู่ผู้ซื้อขายที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่จะพัฒนาต่อยอดจากเว็บไซต์ตลาดเกษตรดิจิทัล และระบบตามสอบสินค้าเกษตรบนระบบคลาวด์สำหรับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กของสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ให้เป็นแอพพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนในชื่อ Hello Trade
ทั้งนี้ แผนยกระดับการตลาดเกษตร 4.0 หรือ ยุทธศาสตร์พระพิรุณ (Agriculture 4.0) เป็นแผนยุทธศาสตร์และโครงการเชิงกลยุทธ์ ที่จัดสรรพื้นที่ตลาด Free Digital Market และพัฒนาตลาดสินค้าเกษตรในลักษณะ Digital Economy เพื่อสร้างมาตรการที่จูงใจเกษตรกรต่อการเข้าร่วมโครงการต่าง ๆ ของกระทรวงเกษตรฯ โดยเฉพาะการพัฒนาสินค้าเกษตรสู่มาตรฐาน โดยไม่ต้องแทรกแซงกลไกราคา แต่สร้างความสามารถในการแข่งขันและการเข้าถึงช่องทางการตลาดในทันทีของเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน ตลอดจน SME ที่เกี่ยวข้องในภาคเกษตรและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ผ่านเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อนำไปสู่ Digital Thailand 4.0
หลักการทำงานของยุทธศาสตร์พระพิรุณ คือ การใช้ระบบ AI เพื่อ Matching คู่ค้าทุกฝ่ายที่อยู่ในตลาดการเกษตรและตลาดการบริโภค จะทำให้เกษตรกรที่มีสินค้าทางการเกษตร ที่อยากขายและอยากซื้อทั้งปลีก-ส่ง ได้มาเจอกันเพื่อค้าขายตามกลไกตลาด โดยใช้ข้อมูล Big Data จากระบบช่วยในการตัดสินใจด้านราคาและปริมาณ รวมถึงบริการเสริมจาก Application ต่าง ๆ ที่กระทรวงเกษตรฯ
ที่ผ่านมา สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ได้ผลิตโปรแกรมจับคู่เฟสแรกเสร็จเรียบร้อยแล้ว และเริ่มทดลองใช้ตั้งแต่ปลายปี 2560 ผ่านเว็บไซต์ www.DGTFarm.com และจะมีการพัฒนาเป็น Application ที่มีประโยชน์ และสามารถหาเงินได้สำหรับผู้ใช้ โดยตั้งเป้าอย่างน้อย 1 ล้านบัญชีในช่วงต้นปี 2562 นี้ และจะพัฒนาต่อเนื่องตามนโยบาย Thailand 4.0 ต่อไป