นายอภัย สุทธิสังข์ อธิบดีกรมหม่อนไหม กล่าวว่า ในช่วงปลายฤดูฝนเข้าสู่ต้นฤดูหนาวเกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมควรให้ความสำคัญและระมัดระวังแมลงศัตรูหม่อนที่มักระบาดในช่วงนี้ ได้แก่แมลงหวี่ขาว ซึ่งเป็นแมลงประเภทปากดูด สามารถทำลายหม่อนทั้งในระยะตัวอ่อนและตัวเต็มวัย โดยดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบหม่อนเป็นอาหารทำให้ใบเป็นจุดสีเหลือง และขับถ่ายน้ำหวานซึ่งเป็นอาหารของเชื้อรา ทำให้ ใบแก่มีสีดำ มักพบการระบาดในช่วงปลายฤดูฝนต้นฤดูหนาว รูปร่างลักษณะของแมลงหวี่ขาวเป็นแมลงขนาดเล็ก ตัวเต็มวัยมีขนาด 2 มิลลิเมตร มีปีก 2 คู่ สีขาวอ่อนมักพบตามใต้ใบบริเวณยอดเพื่อวางไข่และพบตาม ใบแก่ แมลงหวี่ขาวจะวางไข่เป็นฟองเดี่ยวๆ ด้านใต้ใบใกล้กับเส้นใบ ไข่มีลักษณะยาวเรียว มีก้านสั้น ๆ ยึดติด กับใบ ตัวอ่อนมักพบใต้ใบที่โตเต็มที่ ส่วนดักแด้มักพบในใบส่วนล่างกิ่ง
อธิบดีกรมหม่อนไหม กล่าวต่อไปว่า สำหรับในช่วงนี้ซึ่งเข้าสู่ช่วงปลายฤดูฝนต้นฤดูหนาว สภาพอากาศในประเทศไทยบางพื้นที่เหมาะสมต่อการระบาดของแมลงหวี่ขาว เกษตรกรผู้ปลูกหม่อนควรให้ความสนใจและหมั่นสำรวจแปลงหม่อนอย่างสม่ำเสมอ หากพบการระบาดของแมลงหวี่ขาว สามารถดำเนินการป้องกันและกำจัดโดยใช้กับดักกาวเหนียวสีเหลืองปักไว้ระหว่างแถวหม่อนระดับความสูงของกับดักเท่ากับความสูงของต้นหม่อน เพื่อประเมินการระบาดและป้องกันกำจัด หรือใช้น้ำหมักจากใบโหระพาหรือ กระเพรา อัตรา 50 กรัมต่อน้ำ 1 ลิตร หมักทิ้งไว้ 1 คืน กรองเอากากออกแล้วไปพ่นในแปลงหม่อนหรือใช้ น้ำส้มควันไม้ฉีดพ่นบริเวณหลังใบที่มีแลงหวี่ขาวเกาะอยู่ โดยฉีดพ่นทุกๆ 7-10 วัน ซึ่งน้ำส้มควันไม้จะไม่เป็นอันตรายต่อหนอนไหม หากจำเป็นต้องใช้สารเคมีให้ใช้สารฆ่าแมลงโปรมีคาร์บ 50 กรัม ผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่น หลังจากนั้น 15 วัน จึงเก็บใบหม่อนไปเลี้ยงไหม นอกจากนี้อาจใช้การอนุรักษ์ศัตรูตามธรรมชาติ ในแปลงหม่อน เช่น ด้วงเต่าลาย ในการกำจัดแมลงศัตรูหม่อนดังกล่าว และเกษตรกรผู้ปลูกหม่อนสามารถติดตามการเตือนภัยและการป้องกันกำจัดโรคแมลงศัตรูหม่อน ได้ทางเว็บไซต์ของกรมหม่อนไหม หรือติดตามสอบถามที่ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ ทั้ง 21 แห่งทั่วประเทศ