วันนี้ ณ ห้องประชุมตากสิน ศาลาว่าการเมืองพัทยา มีการประชุมสภาเมืองพัทยาสมัยสามัญ สมัยที่ 3 ครั้งที่ 1 ประจำปี 2568 โดยนายบรรลือ กุลละวณิชย์ ประธานสภา เป็นประธานเปิดการประชุม พร้อมด้วยนายไพรวัลย์ อารมณ์ชื่น และนายวิศัลย์ เพ็ชรตระกูล รองประธานสภา เพื่อรับฟังการชี้แจงและเสนอแนะแผนพัฒนาเมืองพัทยา โดยเฉพาะประเด็นด้านการศึกษา
ภายหลังนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา แจ้งการทบทวนแผนพัฒนา สมาชิกสภาหลายรายได้ตั้งข้อสังเกตและเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาด้านการศึกษาในสังกัดเมืองพัทยา
นายสุรินทร์ ยิ้มใย สมาชิกสภาเมืองพัทยา เขต 2ได้หยิบยกปัญหาหลักในที่ประชุม เกี่ยวกับความปลอดภัยในโรงเรียน เสนอให้จัดจ้าง รปภ.ประจำโรงเรียน เนื่องจากปัจจุบันไม่ให้มีครูเข้าเวรกลางคืน
สภาพห้องน้ำไม่ได้มาตรฐาน : ผู้ปกครองร้องเรียนว่าห้องน้ำบางโรงเรียนสกปรก ทำให้เด็กหลีกเลี่ยงการใช้ ควรพัฒนาและดูแลอย่างต่อเนื่อง
เครื่องออกกำลังกายคุณภาพต่ำ : อุปกรณ์ในสวนสาธารณะและโรงเรียนเป็นเหล็ก เสื่อมสภาพเร็วเพราะอยู่ใกล้ทะเล เสนอให้จัดซื้อวัสดุคุณภาพสูง เช่น สแตนเลส
รูปแบบโรงเรียนไม่ทันสมัย : โรงเรียนใหม่ยังใช้แบบก่อสร้างเดิม ควรปรับเป็นโมเดลโรงเรียนสมัยใหม่และรองรับหลักสูตรนานาชาติ
ในขณะที่นายภาสกร อยู่สมบูรณ์ สมาชิกสภาเมืองพัทยา เขต 1 ชี้ว่าที่ผ่านมาไม่มีงบเฉพาะเพื่อพัฒนาเด็กเล็กและเด็กอนุบาล เสนอให้จัดโครงการเสริมทักษะ ให้เด็กกล้าคิด กล้าตัดสินใจเอง เช่น การแข่งขันจักรยานขาไถ ที่ช่วยฝึกการคิดและตัดสินใจ ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ปกครองจำนวนมาก
ด้านนายอนุพงษ์ พุทธนวรัตน์ สมาชิกสภาเมืองพัทยา เขต 1 ให้ข้อมูลว่า งบประมาณเมืองพัทยาปี 2569 เพิ่มเป็น 2,400 ล้านบาท จาก 1,800 ล้านบาทในปี 2560 และเพียง 800 ล้านบาทในปี 2551 สะท้อนว่าภารกิจและความต้องการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตามความเจริญ แต่โรงเรียนอนุบาลยังมีอัตราครูไม่เพียงพอ (ครู 1 คน ต่อเด็ก 25 คน รวมเด็กพิเศษ) ทำให้ครูต้องรับภาระหนัก เสนอให้เพิ่มครูผู้ช่วยหรือบุคลากรสนับสนุน
อีกทั้งเมืองพัทยายังมีปัญหาขาดบุคลากรในหลายตำแหน่งกว่า 300 อัตรา ไม่มีอำนาจหน้าที่โดยตรงในการคัดสรรบุคลาการ เพราะต้องรอส่วนกลางอนุมัติการสอบบรรจุ ที่ผ่านมาจึงมีการว่าจ้างบุคลากรเกษียณหรือ Outsource เพื่อไม่ให้โครงการต่าง ๆ ล่าช้า
ด้านนายปรเมศวร์ นายกเมืองพัทยา ชี้แจงต่อประเด็นต่าง ๆ ว่า ในส่วนของ รปภ.และการดูแลรักษาความสะอาดห้องน้ำ จะพิจารณาใช้ Outsource ดูแล พร้อมให้อำนาจผู้บริหารโรงเรียนใช้เงินงบประมาณและเงินสะสมได้มากขึ้นเพื่อเร่งแก้ปัญหา ส่วนงบพัฒนาเด็กอนุบาลจะมอบให้สำนักการศึกษาจัดทำโครงการที่จำเป็น รวมถึงปรับ Master plan โรงเรียนทั้ง 11 แห่งให้ทันสมัย
สำหรับปัญหาขาดแคลนครู ก็มีกรอบที่จะรับการโอนย้าย จะพิจารณาเพิ่มสวัสดิการเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับผู้ที่ย้ายมาทำงานที่เมืองพัทยา เช่น หอพักครู เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายและสร้างแรงจูงใจย้ายมาทำงาน พร้อมผลักดันให้ส่วนกลางเข้าใจความจำเป็นของเมืองพัทยาที่เป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก มีรายได้เข้าประเทศเกือบ 3 แสนล้านบาทต่อปี
การประชุมครั้งนี้ได้ข้อสรุปให้ผู้บริหารเร่งพิจารณาแนวทางแก้ปัญหาและปรับการใช้งบประมาณ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและการศึกษาของเยาวชนพัทยาให้สอดคล้องกับการเติบโตของเมืองในอนาคต