ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
เกษตรนำไทย ย้อนกลับ
กรมส่งเสริมการเกษตร ร่วม GIZ ดันเกษตรกรสู่ Climate Smart Farmer
21 ส.ค. 2568

เกษตรกรปรับตัวทันโลก ปลูกข้าวทันอากาศ รายได้เพิ่ม ลดก๊าซเรือนกระจกกว่า 2.4 ล้านตัน กรมส่งเสริมการเกษตร–GIZ พร้อมยกระดับเกษตรกรสู่ Climate Smart Farme

ในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับความรุนแรงของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากขึ้นทุกปี การเกษตรไทย เดินหน้าขับเคลื่อนการส่งเสริม โดยกรมส่งเสริมการเกษตรร่วมกับองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) เดินหน้าโครงการเพิ่มศักยภาพการปลูกข้าวที่เท่าทันต่อภูมิอากาศ (Strengthening Climate - Smart Rice Farming: Thai Rice GCF) ถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีการทำการเกษตรที่เท่าทันต่อภูมิอากาศสู่เกษตรกรไทยใน 21 จังหวัดทั่วประเทศ

นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า เทคโนโลยีทั้ง 11 วิธีในโครงการฯ เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เกษตรกรไทย “อยู่รอด” ท่ามกลางความผันผวนของภูมิอากาศ และยัง “อยู่ดี” ด้วยรายได้ที่มั่นคงมากขึ้น การดำเนินโครงการฯ ที่เริ่มในปี 2567 และจะขยายต่อเนื่องจนถึงปี 2571 สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการทำนาได้มากกว่า 2.4 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO₂e) รวมถึงเตรียมขยายผลเกษตรกรรายย่อยกว่า 250,000 ราย ทั่วประเทศ ให้สามารถทำนายุคใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังชี้ให้เห็นผลตอบแทนของเกษตรกรต้นแบบแต่ละรายที่สามารถลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต สร้างรายได้ และที่สำคัญคือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีนัยสำคัญ ดังนี้

วิธีที่ 1 : การจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสาน (Integrated Pest Management) ควบคุมและจัดการศัตรูพืชโดยใช้วิธีการต่าง ๆ ร่วมกันอย่างเหมาะสม เช่น การเขตกรรม การใช้ชีววิธี การใช้พันธุ์ต้านทาน และการใช้สารเคมีอย่างจำกัด เพื่อลดการพึ่งพาสารเคมี ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพของเกษตรกร และผู้บริโภค โดยนางสุดายงค์ แก้วจันทร์ เกษตรกร อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี สามารถลดต้นทุน 350 บาท/ไร่ ผลผลิตเพิ่ม 150 กก./ไร่ สร้างรายได้เพิ่ม 450 บาท/ไร่
 
วิธีที่ 2 : การจัดการน้ำระดับแปลงนา (Farm-level Water Management) วางแผน ควบคุม และใช้ทรัพยากรน้ำในพื้นที่นาอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้พืชเจริญเติบโตดี ลดความเสี่ยงจากภัยแล้ง น้ำท่วม และประหยัดน้ำ รวมถึงส่งเสริมความยั่งยืนของระบบการผลิตทางการเกษตร โดยนายสมบัติ ยาโน เกษตรกร อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ลดความเสี่ยงขาดแคลนน้ำ ใช้พื้นที่มีประสิทธิภาพ ทำการเกษตรได้หลากหลาย ทำให้ลดต้นทุน 866 บาท/ไร่ ผลผลิตเพิ่ม 330 กก./ไร่ สร้างรายได้เพิ่ม 2,500 บาท/ไร่
 
วิธีที่ 3 : การจัดการฟางและตอซัง (Straw and Stubble Management) จัดการฟางและตอซังข้าวอย่างเหมาะสม ลดการเผา จะช่วยปรับปรุงดิน เพิ่มผลผลิต และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้การทำนามีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยนายขวัญชัย แตงทอง อ.หันคา จ.ชันยาท ไม่เผาและไถกลบปรับปรุงดิน ลดปุ๋ยเคมี สร้างมูลค่าเพิ่ม สามารถลดต้นทุน 400 บาท/ไร่ ผลผลิตเพิ่ม 100 กก./ไร่ สร้างรายได้เพิ่มกว่า 85,700 บาท/ไร่ จากการขายฟางก้อน 700 บาท/ไร่ และแปรรูปฟางเป็นกระดาษฟาง 85,000 บาท/ไร่
 
วิธีที่ 4 :  การจัดการธาตุอาหารในนาข้าว (Site-specific Nutrient Management) การจัดการธาตุอาหารข้าว ตามค่าวิเคราะห์ดินและความต้องการของพืช เพื่อให้ข้าวได้รับธาตุอาหารที่เหมาะสมในปริมาณที่พอดี ช่วยลดต้นทุนการใช้ปุ๋ย และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยนางพรนัสสร คำแผง เกษตรกร อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ลดการใช้ปุ๋ยเคมีเกินอัตรา ต้นข้าวแข็งแรงไม่ล้มง่าย ผลผลิตเพิ่มขึ้น ลดต้นทุน 350 บาท/ไร่ ผลผลิตเพิ่ม 350 กก./ไร สร้างรายได้เพิ่ม 400 บาท/ไร่
 
วิธีที่ 5 : การจัดการน้ำแบบเปียกสลับแห้ง (Alternate Wetting and Drying) เป็นเทคนิคการจัดการน้ำในนาข้าวที่เน้นการลดการใช้น้ำ ไม่ส่งผลเสียต่อผลผลิต ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยนายถาวร คำแผง เกษตรกร อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี สามารถลดการใช้น้ำ ลดศัตรูพืช ลดการแย่งชิงน้ำ และยังทำให้ต้นข้าวแข็งแรง อีกทั้งเป็นการทำนาคาร์บอนต่ำ สามารถลดต้นทุน 495 บาท/ไร่ ผลผลิตเพิ่ม 350 กก./ไร่ สร้างรายได้เพิ่ม 400 บาท/ไร่
 
วิธีที่ 6 : การใช้พันธุ์ข้าวที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และสภาพภูมิอากาศ (Rice Variety Diversification) การเลือกใช้พันธุ์ข้าว ที่มีคุณภาพ ให้ผลผลิตสูง ต้านทานต่อโรคและแมลง เหมาะสมกับฤดูกาลและพื้นที่ ตรงตามความต้องการของตลาด จะช่วยให้การทำนามีประสิทธิภาพและลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศได้ โดยนายวินัย จีนจัน เกษตรกร อ.เมืองชัยนาท จ.ชัยนาท ลดปริมาณการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าว ป้องกันข้าววัชพืช ได้ข้าวคุณภาพดี ไม่มีพันธุ์ปน ลดต้นทุน 350 บาท/ไร่ ผลผลิตเพิ่ม 238 กก./ไร่ สร้างรายได้เพิ่ม 2,000 บาท/ไร่
 
วิธีที่ 7 :  การปรับระดับพื้นที่นาด้วยระบบเลเซอร์ (Laser Land Levelling) ปรับระดับพื้นที่นาให้เรียบเสมอเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการน้ำ การควบคุมวัชพืช การใส่ปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพ การใช้เครื่องจักรกลการเกษตรที่มีประสิทธิภาพ การเจริญเติบโตของพืชที่สม่ำเสมอ โดยนางสาวสมทรง น้ำเพชร เกษตรกร อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ลดปริมาณน้ำทำนา ลดน้ำมันเชื้อเพลิงสูบน้ำ ลดปริมาณการใช้ปุ๋ย ลดต้นทุน 495 บาท/โร่ ผลผลิตเพิ่ม 370 กก./ไร่ สร้างรายได้เพิ่ม 500 บาท/ไร่
 
วิธีที่ 8 : การหว่านหรือหยอดข้าวแห้ง   (Dry Direct-Seeded Rice) การปลูกข้าว โดยใช้เมล็ดข้าวแห้ง (ไม่ได้แช่น้ำงอก) หว่านหรือหยอดลงในดินโดยตรง แล้วรอฝนหรือน้ำชลประทานตามมาในภายหลังให้ข้าวงอกและเติบโต โดย นายวรสิทธิ์ วรรณพงษ์ เกษตรกร อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ช่วยลดปริมาณเมล็ดพันธุ์ข้าว จัดการวัชพืชง่าย ลดการใช้น้ำ ทำให้ลดต้นทุน 318 บาท/ไร่ ผลผลิตเพิ่ม 229 กก./ไร่ สร้างรายได้เพิ่ม 2,000 บาท/ไร่
 
วิธีที่ 9 : ระบบการปลูกพืชที่มีข้าวเป็นพืชหลัก (Crop Diversification Rotation) เป็นการจัดระบบการผลิตทางการเกษตรที่มีข้าวเป็นพืชหลัก ด้วยการปลูกพืชชนิดอื่นเพื่อเสริมระบบการทำนา สามารถช่วยลดการใช้น้ำทำการเกษตร ลดความเสียหายจากสภาพอากาศแห้งแล้ง ตัดวงจรการระบาดศัตรูพืช เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ดิน และเสริมรายได้ของเกษตรกร โดยนายเด่น รอบรู้ เกษตรกร อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ปลูกถั่วเขียวหลังนา ไม่เผาฟางข้าว ทำให้เพิ่มปุ๋ยในดิน ลดวัชพืช ลดการใช้ปุ๋ยนาข้าว และลดต้นทุนทุนค่าปุ๋ย 300 บาท/ไร่ สร้างรายได้เพิ่ม 3,408 บาท/ไร่
 
วิธีที่ 10 : การใช้ข้อมูลพยากรณ์สำหรับการเพาะปลูก (Agro-met Advisory Services) การใช้ข้อมูลพยากรณ์อากาศเพื่อวางแผนปลูกข้าว เช่น พยากรณ์อากาศ, ปริมาณฝน, อุณหภูมิ, ความชื้น, สภาพอากาศสุดขั้ว ฯลฯ เพื่อช่วยให้เกษตรกรสามารถวางแผนการเพาะปลูกได้แม่นยำ ปลอดภัย และลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ โดยนางสวณีย์ โพธิ์รัง เกษตรกร อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี สามารถลดความเสี่ยงภัยธรรมชาติ ลดต้นทุน แม่นยำ และทำให้ลดต้นทุน 300 บาท/ไร่ ผลผลิตเพิ่ม 350 กก./ไร่ สร้างรายได้เพิ่ม 500 บาท/ไร่
 
วิธีที่ 11 : การใช้เครื่องจักรกลการเกษตร (Rice Farming Mechanization) การใช้เครื่องจักร เครื่องทุ่นแรง หรืออุปกรณ์กล เข้ามาใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดกระบวนการผลิตข้าว ตั้งแต่ เตรียมดิน ปลูก ดูแล เก็บเกี่ยว ไปจนถึงหลังเก็บเกี่ยว เพื่อลดแรงงาน เพิ่มประสิทธิภาพ และเพิ่มผลผลิตต่อพื้นที่ โดยนายศุภฤกษ์ นุ่มดี เกษตรกร อ.เดิมบางนางบวช จ. สุพรรณบุรี ใช้โดรนเพื่อการเกษตร ช่วยประหยัดเวลา เพิ่มปริมาณงาน ลดค่าแรงงาน ลดการสัมผัสสารเคมี จัดการศัตรูศัตรูพืชได้อย่างแม่นยำ และมีประโยชน์ ดังนี้ ลดต้นทุน 350 บาท/ไร่ ผลผลิตเพิ่ม 100 กก./ไร่ สร้างรายได้เพิ่ม 200 บาท/ไร่
 
หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 31 สิงหาคม 2568
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
19 ส.ค. 2568
หากจะมองหานักวิชการด้านการศึกษา ที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่วัยหนุ่มแล้ว หนึ่งในนั้น คงจะต้องพูดถึง ผู้ช่วยศาสตราจย์ คร.คณกร สว่างเจริญ อธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จ เจ้าพระยาบ้านสมเด็จเจ้าพระยา (มบส.) หนึ่งใน สถาบันการศึกษาที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของประเทศไทย...