"วิป2ฝ่าย" เลื่อนถกเคาะวันโหวตนายกฯ เป็นวันนี้ ช่วงบ่าย "ฉลาด" บอกทุกฝ่ายเห็นพ้อง รอคำตอบจาก "ศาลรธน." ปมคำร้อง "สส.พท."
ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาฯ คนที่สอง นัดประชุมกรรมการประสานงานสภาฯ ซึ่งเชิญตัวแทนของสส.พรรคร่วมรัฐบาลและ สส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน หารือต่อการประชุมสภาฯ และการโหวตเลือกนายกฯ
ทั้งนี้ ภายหลังการประชุม นายฉลาด ให้สัมภาษณ์ว่า ยังไม่มีข้อสรุปต่อประเด็นการนัดวันเพื่อโหวตนายกฯ คนใหม่ เนื่องจากที่ประชุมมีความเห็นว่าควรรอให้เกิดความชัดเจนต่อกรณีที่ 20สส.พรรคเพื่อไทย ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยกรณีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายสราวุธ ทรงศิวิไล เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แทนนายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่วินิจฉัยคดีถอดถอนน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ออกจากตำแหน่งนายกฯ ทั้งนี้ที่ประชุมเห็นว่าควรรอศาลรัฐธรรมนูญก่อน เบื้องต้นได้ส่งเรื่องแล้วและศาลรัฐธรรมนูญอาจใช้เวลาพิจารณาไม่นานเพราะเป็นเรื่องเร่งด่วน และตอบกลับเป็นหนังสือ ดังนั้นที่ประชุมวิป2ฝ่าย จึงเห็นว่าควรรอการตอบกลับและนัดประชุมหารืออีกครั้งในวันนี้ (3 ก.ย.) เวลา 15.00 น.
“ที่ประชุมไม่ขัดแย้งกัน และเห็นร่วมกันว่าควรรอความชัดเจนของข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง ทุกคนอยู่ภายใต้ข้อบังคับเดียวกัน ทุกคนรอได้ และเพื่อความบริสุทธิ์ยุติธรรมข้อบังคับและกฎหมาย ไม่ได้ท้วงติงอำนาจ” นายฉลาด กล่าว
นายฉลาดกล่าวต่อว่าหากศาลรัฐธรรมนูญตอบกลับวันนี้ (3 ก.ย.) การหารือเพื่อกำหนดวันโหตนายกฯ จะเกิดขึ้นในวันที่ 5 ก.ย. เพราะนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ สามารถออกหนังสือนัดประชุมได้ ภายใน 16.00 น. แต่หากไม่มีคำตอบจากศาลรัฐธรรมนูญ อาจต้องนัดประชุมวันอื่น เช่น วันเสาร์ หรือเป็นสัปดาห์หน้า
“โดยยืนยันว่าจะได้ข้อสรุปในวันนี้ เว้นแต่หากมีคำตอบของศาลออกมาอย่างอื่นอย่างไรก็ต้องรอความเห็นในที่ประชุม เพื่อความสบายใจทุกฝ่าย แต่อย่างไรประเทศชาติก็ต้องมีผู้บริหารประเทศ ซึ่งกรณีไม่ใช่การยื้อเวลา เพราะทุกฝ่ายเห็นว่าเพื่อความสบายใจ” นายฉลาด กล่าว
เมื่อถามถึงการทูลเกล้าพระราชกฤษฎีกายุบสภาฯ นายฉลาด กล่าวว่า ไม่มี ส่วนที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น ข่าวก็มีเพียงแค่ข่าว และกรณีที่มีการยืนยันจากนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว. มหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ นั้น ตนรอให้มีการประกาศอย่างเป็นทางการ
เมื่อถามว่าสภาฯ จะต้องทำอย่างไรหากมีการทูลเกล้าฯ ขึ้นไปแล้ว นายฉลาด กล่าวว่า สภาฯ ต้องพึงระวัง