คำพูดเปรียบเปรย...เย้ยหยัน!
ถ้าหากตะเกียกตะกายขึ้นไปเกาะขอบดาวอังคารได้ แล้วส่องกล้องมองกลับมายังโลกอันแสนวุ่นวาย ปรับโฟกัสโคลสอัพพิกัด “บางละมุง-เมืองพัทยา”
เชื่อไหม?ว่าจะได้เห็นประกายวิบๆวับๆ ของวัตถุเรืองแสง แห่งศตวรรษที่21กระจัดกระจายเต็มพื้นที่...
มันคือรังสี...“ตู้คีบตุ๊กตา” แผดรัศมี จนแสบสันลูกนัยน์ตา!
โลกกำลังเหวี่ยงวงโคจร เข้าสู่ยุค “นวัตกรรมบาป”ครองเมือง!
ไม่มีใครทำอะไรมันได้! แพร่พันธุ์เร็วราวเชื้ออะมีบากินสมอง!?!
ทุกช่วงวัย ไล่ตั้งแต่ Gen X,Y,Z หรือแม้แต่ Gen A “อัลฟ่า”ที่เพิ่งเกิดในช่วงปี 2566 ไล่ไปยันวัย “ไม้ใกล้ฝั่ง”อย่างคน Gen B คือพวกที่เกิดยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
ทุกเจนวัย กลายเป็น “เหยื่อ” นวัตกรรมบาป ถูกตู้คีบตุ๊กตากินสมอง แหว่งวิ่นไปตามๆกัน!!
ว่าจะไม่ “ขยี้” แต่ตู้อัปรีย์ ผุดโผล่บานสะพรั่งเป็นดอกเห็ด ช่วงปลายฝนต้นหนาว ชาวบ้านถึงกับทนดูไม่ได้! ต่อสายมาเล่าระบาย “เสี้ยนสังคม”ตำคาใจ เจ็บปวดรวดร้าว ให้ฟังทุกเมื่อเชื่อวัน!
ทุกข์ชาวบ้าน คือทุกข์ของแผ่นดิน หน้าที่ “สื่อ” คือ “หมาเฝ้าบ้าน” จึงจำต้องเห่าให้สังคมรับรู้ความจริง ชี้ภัย “วงจรwนัน” ที่จำแลงแฝงมา ในรูปของตู้คีบเสี่ยงโชคตุ๊กตามหาสนุก
กระชากหน้ากากตู้คีบฯ แท้จริงแล้ว มันคือ “ภัย” ในรูปแบบหนึ่ง ที่กำลังรมควันพิษลูกหลานของเรา ซึ่งกำลังเติบใหญ่ หวังให้เป็นพลังบวก ต่อมาตุภูมิแผ่นดินเกิดในวันข้างหน้า
กลับต้องแคระแกร็น กลายเป็นทรัพยากร “มนุษย์บอนไซ” เพราะถูกมอมเมาตั้งแต่เยาว์วัย!!
ลองออกไปลัดเลาะเคาะตามลายแทง พบว่าตู้คีบตุ๊กตา ที่เคยตั้ง ล่อตาล่อใจ ตามหน้าร้านสะดวกซื้อ ปลิ้นปลอกหลอกเงินค่าขนมของหนูๆ
ในช่วงนี้ดูหรอยหรอบางตา บางจุดปิดบริการ บางแห่งตู้ยังตั้งอยู่แต่ไม่เปิดให้เล่น ในตลาดสดติดแอร์บางแห่งก็ปิด แต่ก็ยังมีให้เห็นเปิดบ้างตามย่านชุมชน รวมทั้งยังเห็นมีวางตามตลาดขายอาหารตอนเย็น ที่มีผู้คนพลุกพล่าน
สังคมถึงกับร้องเอ๊ะ! ต่อปรากฏการณ์ตู้คีบตุ๊กตา ที่เคยเกลื่อนบ้าน เกลื่อนเมือง ดูรกหูรกตาเต็มไปหมด กลับหดหายไป!
อดสงสัยไม่ได้ว่า สร้างภาพลวงตาหลอกให้ดูเหมือนว่าจวนใกล้สิ้นลม แต่ความจริง มันใช่อย่างที่เห็น เป็นอย่างที่คิดหรือไม่? ตามไปหาคำตอบกันครับ!
บิดภาพลวงตากลับมาอีกด้าน แก๊งธุรกิจเทา เปิดเกม “สับขาหลอก” พากันเข้าไป“มุด”ซุกใต้ปีกห้างสรรพสินค้า สร้างภาพปิดตู้คีบฯรอบนอก ให้ดูซบเซาเบาตา แต่แอบขนไปเสริมเติมทัพตู้คีบฯในพื้นที่ห้างฯที่ของเดิมมีอยู่แล้ว ให้ทวีความอู้ฟู่อ้าซ่า บานเบอะเยอะกว่าเก่า!
ตู้wนันจำแลงแปลงร่าง หลบหลีกเร้นไปเป็นฝูง “กระดี่ได้น้ำ ”อยู่ตาม “ห้างฯดัง”กันคึกคัก ส่องดูห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง ไล่ตั้งแต่พัทยาเหนือ, กลางใต้,ชายหาด,จอมเทียน, พื้นที่หนองปรือ-บางละมุง
โดนตู้คีบwนัน ยึดหัวหาดไปเกลี้ยง บางโซนตั้งที่อยู่ใกล้ “ฟู้ด คอร์ท” บางโซนติดประตูทางเข้า-ออก บางแห่งตั้งเรียงรายเต็มพื้นที่ด้านหน้าโรงหนัง “ตู้คีบตุ๊กตา”ถูกนำเข้าไปตั้งปนๆกับเครื่องเล่นอื่นๆภายในโซน “สวนสนุก” จุดรวมพลเด็กเล็ก กลุ่มเด็กโต จนถึงวัยรุ่น เยาวชน!
แถมยังปรับแผนตั้งรับการถูกจับตา เลี่ยงคำว่า “เล่นwนัน” จัดคน ไปนั่งเฝ้า ใครที่หยอดเงินโยกขาหนีบแล้วหลุดไม่ได้ตุ๊กตา พอเล่นเกมเสี่ยงจบ ตู้กินเงินครบตามราคาตุ๊กตา คนดูแลก็จะมาเปิดหยิบของในตู้ให้... แต่ถึงให้ เลี่ยงบาลียังไง มันก็ผิดกฎหมายอยู่ดี
คำว่า “wนัน” จะครบองค์ประกอบความผิดได้ต้องมี หนึ่ง “เจ้ามือ” คือเจ้าของตู้คีบฯ สองคือ “คนเล่น” และสามจะต้อง “มีได้ มีเสีย”กันด้วย
แค่หยอดเงินเล่นครั้งเดียว แล้วคีบหลุดไม่ได้สิ่งของภายในตู้ ถือว่าการเล่นwนันเกิดขึ้นแล้ว เพราะคนเล่นเสียเงินไปแล้ว เจ้าของตู้เป็นผู้ชนะ ยกตัวอย่างเล่นไป 30 ครั้งๆละ 10 บาท ตู้คีบฯกินเงินไป 300 บาท ถือว่า “ความผิดสำเร็จแล้ว” 30 กรรม 30 วาระ นับคดีได้ 30 คดี
ต่อให้คนเฝ้าตู้ นำตุ๊กตาในตู้ออกมาให้ภายหลัง อ้างว่าเป็นการ จำหน่ายสินค้า ส่งมอบให้เมื่อจ่ายเงินครบ คิดตามหลักวิธีการ ซื้อมา-ขายไป ในรูปแบบการค้าการขาย มันผิดเพี้ยน การเปิดให้ “เสี่ยงเล่น”ไปก่อน วิธีการลักษณะดังกล่าว เข้าข่ายการพนัน!
เดินทรงนี้ เขาเรียก “เลี่ยงบาลี” ถึงแม้จะเลี่ยงด้วยกลวิธีใดก็ตาม... ยังไงมันก็ ผิดกฎหมาย อยู่คืนยันรุ่งวันยันค่ำ!
มองในมุมที่มี “เหยื่อ”อีกมากมายหลายคนมาเล่นตู้คีบตุ๊กตา แล้วหยุดเล่นไม่ไปต่อ เพราะหนีบตุ๊กตาไม่ได้สักที ในมุม พ.ร.บ.wนัน ถือว่า เจ้ามือ ซึ่งหมายถึงเจ้าของตู้ได้เงิน เป็นฝ่ายชนะไป
กลับกัน “คนเล่น” หยอดตู้ไปแค่ 4 ครั้งๆละ10 บาท เป็นเงิน 40 บาท แล้วเกิดคีบติดตุ๊กตามาได้ตัวหนึ่ง ทั้งๆที่หน้าตู้ติดราคาขายไว้ตัวละ 350 บาท ลักษณะนี้ ถือว่า “คนเล่น” ชนะเจ้ามือ คนเล่น เล่นได้ ส่วนเจ้ามือนั้นคือฝ่ายเสีย เมื่อมีการได้-เสีย มันก็เข้าองค์ประกอบของการเล่นwนัน ชัดแจ้งแดงโร่อยู่แล้ว!
ทำไม? “ไม่จับ” แต่กลับตะแบง แถสีข้างเข้าถูกจนหนังถลอกปอกเปิด!ไม่จับแถมกลับมองเมิน หลบตาต่ำเห็นไม่พ้นตาตุ่ม!
เคยคิดไหม? พ่อ-แม่ ผู้ปกครองเขามองการณ์ไกล มองลึกกว่าพวกท่าน เขาพากันเป็นห่วงเป็นใยอนาคตของเด็กๆที่ถูกผู้ใหญ่มูมมามบางกลุ่มบางคน โยน “บ่วงบาศ อบายมุข”คล้องคอตั้งแต่หัวเท่ากำปั้น!
คำอ้างที่ว่ามันเป็น “ตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ” ดูแล้ว ฟังไม่ขึ้น แน่จริงเอางี้ซิ...ถอดคันโยก ยกขาหนีบออก รื้อกลไกทิ้ง เหลือตุ๊กตาคาในตู้กับไฟประดับวิบวับ พอใครต้องการตุ๊กตา ชี้ตัวไหน หยิบตัวนั้นออกมา ยื่นหมูยื่นแมว ซื้อมาขายไป ไม่ต้องหยอดเหรียญ โยกให้เมื่อยตุ้ม เน้นขายไม่เน้นคีบ แบบนี้ซิ...ถึงเรียกว่า ซื้อ-ขาย โดยไม่มีอะไรแอบแฝง!
แต่ที่ทำกันทุกวันนี้ พวกมึง...เลี่ยงบาลี โดยมีเจ้าหน้าที่หรี่ตาให้!
“ตู้ตุ๊กตาผี”ยกโขยงไปตั้งวงปลิ้นปลอกหลอกดูดเงินลูกเล็กเด็กโตในห้างฯ มันก็ไม่ต่างไปจาก “เจ้ามือไฮโล” ไปตั้งวงเขย่าลูกเต๋าในบ้านงานศพ เวลาโดนจับก็โดนกวาดเรียบวุธยกก๊วน ทั้งเจ้ามือ คนเล่น และเจ้าของบ้าน
ขอหยิบยกคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ มท ๐๓๐๗.๑๐/๑๖๗๔๐ และฉบับที่ มท ๐๓๐๗.๑๐/ว๘๐๓๘ ลงวันที่ 2 กันยายน 2568 เรื่อง “การบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการพนัน” แจ้งถึง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด
ในหนังสือ ระบุไว้ชัด....“ตู้คีบตุ๊กตา” ที่เห็นวางกันเกลื่อนบ้านเกลื่อนเมือง เข้าข่ายเป็นเครื่องเล่นการพนัน ที่อยู่ในบัญชี ข.หมายเลข 28 ท้ายพระราชบัญญัติการพนัน พุทธศักราช 2478 ซึ่งผู้จัดให้มีการเล่นดังกล่าว จะต้องขออนุญาต ตามมาตรา 4 วรรค 2 แห่งพระราชบัญญัติการพนัน พุทธศักราช 2478
ตอนท้ายในหนังสือ ระบุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งประชาสัมพันธ์ ให้ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า ผู้ประกอบการตลาดนัด ผู้ประกอบการให้เช่าสถานที่ต่างๆในพื้นที่ทราบถึงข้อมูลข้างต้น
หากยังปล่อยปละละเลยให้มีตู้คีบตุ๊กตาในลักษณะดังกล่าวที่ได้ดำเนินการโดยผิดกฏหมายในพื้นที่ของตน อาจเข้าข่ายเป็นความผิด โดยการช่วยประกาศโฆษณา หรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อม หรือสนับสนุนให้มีการกระทำความผิดดังกล่าว ตามมาตรา 12 (2) แห่งพระราชบัญญัติการพนัน พุทธศักราช 2478
นั่นหมายถึง เจ้าของสถานที่ มีความผิดด้วย ในฐานะ “ผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการ” เลิกได้ให้เลิก ฉีกได้ฉีกทิ้งไปเลย สัญญิงสัญญาเช่าพื้นที่ ขืนปล่อยใช้พื้นที่ห้างฯทำเรื่องไม่ดี มันก็ไม่ต่าง หยิบเหาเอามาใส่หัวของตัวเอง
เสียงสะท้อนจากสังคม พอเถอะ! เลิก“พายเรือให้โจรนั่ง!”
จูนสมองซีกซ้ายให้หนักๆ คิดให้เยอะ เงินค่าเช่าที่ได้มา อาจไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่เสียไป!
ถึงจะออกตัวว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นก็ไม่ได้ เพราะในสัญญาเช่าพื้นที่ จะต้องมีการระบุไว้ จะทำมาค้าขายอะไร? หากห้างฯใดมี “ออแกไนซ์” เป็นตัวกลางเช่าพื้นที่จากห้างฯมาปล่อยเช่าต่อ เวลาโดนคือ “ยกพวง”พ่วงไปด้วยกันนะจ๊ะ!ไม่มีละเว้น
แต่ละห้างฯกว่าจะสร้างองค์กรขึ้นมา “ยืนหนึ่ง” ในยุทธจักรนักขาย ระดับชาติได้ ต้องใช้เวลาก่อร่างสร้างตัว กว่าจะฟันฝ่าอุปสรรค สร้างชื่อเสียงจนเป็นที่ยอมรับของสังคมได้นั้น... ไม่ใช่เรื่องง่าย!
รากฐานต้องตอกเสาเข็มแน่นหนา ไต่เต้าบนเส้นทางที่ไม่ได้โรยด้วย กลีบกุหลาบทองคำมาอย่างยาวนาน กว่าจะก้าวยืนหนึ่งระดับแถวบนได้ ไม่ใช่โชคช่วย แต่ด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ มุมานะ ซื่อสัตย์สุจริต สำนึกดีต่อสังคมที่โอบอุ้ม
กว่าจะดันตัวเองขึ้นมา แตะกับคำว่า “เจ้าสัว-นายห้าง” ต้องกอดเสาหลัก “ธรรมาภิบาล” บริหารองค์กร ยึดโยงหลักนิติธรรม ,คุณธรรม,ความโปร่งใส,การมีส่วนร่วม,สำนึกรับผิดชอบ,ความคุ้มค่า
สู้แล้วรวย สร้างอาณาจักร แบบถวายหัวมาทั้งชีวิต...จะอุ้มสมไว้ หรือ ถีบหัวส่ง คิดเอา!
อย่าให้ “หลักธรรมาภิบาล”ล้มครืน เพราะเห็นกงจักรเป็นดอกบัว!
“อัปเปหิ” ไล่แห่ออกไปให้พ้นๆตัวสถานเดียว ขืนยังปล่อยให้เจ้ามือพนัน เข้ามาล้อมวงเปิดบ่อนตู้คีบตุ๊กตาในบ้าน ไม่ต่างเอา “ขี้”มาละเลงเลอะห้างฯ ย่อมทำให้ชื่อเสียงที่สร้างสมมาแต่รุ่นปู่ย่าตาทวด ส่งต่อรุ่นพ่อ สืบทอดถึงรุ่นลูก,หลาน,เหลน,โหลน มัวหมอง และเหม็นหึ่ง!
อย่าต้องมา “ตายน้ำตื้น” หลงฮุบแค่เศษเงินที่แก๊งธุรกิจเทาเกี่ยวเหยื่อ เข้าตำรา “กุ้งฝอย ตกปลากระโห้ยักษ์”...บอกเลยว่า ได้ไม่เท่าเสีย!!
ตอนเกิด ถ้าไม่ได้ลืมสมองไว้ในท้องแม่!คิดเป็นอื่นไปไม่ได้เลย... ฝูงเหากำลังกินเลือดอยู่บนหัว !
คิดให้ดี...จะยอม “ฆ่าเหา” หรือยอม “โกนหัว”... เลือกเลยครับ!
อั๋น พันดาว