วันที่ (15 สิงหาคม 2561) เวลา 08.30 น. ณ ศูนย์ควบคุมสั่งการจราจร (บก.02) ถนนวิภาวดีรังสิต พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมกองบังคับการตำรวจจราจร เพื่อติดตามสถานการณ์ปัญหาการจราจรในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยมี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ร่วมการตรวจเยี่ยม
โอกาสนี้ พลตำรวจตรี จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวรายงานว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีรถติดเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ซึ่งกรุงเทพมหานครเป็นเมืองรถติด อันดับที่ 12 ของโลก โดยผู้ใช้ถนนเสียเวลาไปกับรถติดประมาณ 64.1 ชั่วโมงต่อปี โดยมีตัวเลขสถิติที่สำคัญ ดังนี้ 1. จำนวนประชากรและบ้านในเขตกรุงเทพมหานคร ประจำปี 2560 พบว่ามีประชากรพักอาศัยอยู่ประมาณ 5,682,415 คน มีบ้านพักอาศัย 2,887,274 หลัง (ศูนย์ข้อมูลกรุงเทพมหานคร) 2. กรุงเทพมหานครมีปริมาณรถที่จดทะเบียนสะสม ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 จำนวนทั้งสิ้น 9,778,661 คัน 3. กรุงเทพมหานครมีถนนยาวทั้งสิ้น 5,500 กิโลเมตร สามารถรองรับรถได้ประมาณ 1,200,000 คัน หากจะมีถนนที่เพียงพอกับจำนวนรถในปัจจุบัน จะต้องมีพื้นผิวถนนถึง 32,000 กิโลเมตร (สำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร) ซึ่งสาเหตุที่ทำให้รถติดในกรุงเทพมหานคร เนื่องจากขาดการวางแผนการจราจรที่ดี มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น มีปริมาณรถที่เพิ่มขึ้นทุกปี ตลอดจนสภาพถนนที่ไม่ได้มาตรฐาน ขาดระบบขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพ ที่สำคัญประชากรส่วนใหญ่ยังนิยมใช้รถส่วนตัวในการเดินทาง ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้มีแนวทางการแก้ไขปัญหาการจราจร โดยได้อนุมัติให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ดำเนินโครงการรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวม 4 โครงการ คือ สายสีส้ม สายสีชมพู สายสีเหลือง และสายสีม่วง ทั้งนี้โครงการรถไฟฟ้าที่ รฟม. รับผิดชอบทั้งหมด 6 สายทาง จากจำนวน 13 โครงการ รวมระยะทาง 253 กิโลเมตร ครอบคลุมกรุงเทพมหานครทั้งหมด เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่พี่น้องประชาชนในการเดินทาง โดยมีโครงการที่เปิดให้บริการแล้ว 2 เส้นทาง ได้แก่ 1. รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน เส้นทางจากหัวลำโพงถึงบางซื่อ 2. รถไฟฟ้าสายสีม่วง เส้นทางจากคลองบางไผ่ถึงเตาปูน
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความชื่นชมและกล่าวคำขอบคุณ พร้อมมอบนโยบายเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาการจราจรแบบบูรณาการทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ความตอนหนึ่งว่า การมาตรวจราชการในวันนี้ เป็นการมาให้กำลังใจการปฏิบัติหน้าที่ของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รับฟังปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการ เนื่องจากชุมชนเมืองมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลทำให้เกิดจราจรหนาแน่น ซึ่งปัญหาการจราจรเป็นเรื่องที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมกันแก้ปัญหาอย่างใกล้ชิดและจริงจัง จำเป็นจะต้องหาวิธีแก้ปัญหาและบูรณาการร่วมกัน อาทิ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ทางด่วน การทางพิเศษฯ รถไฟฟ้า การรถไฟแห่งประเทศไทย ขสมก. กรมการขนส่งทางบก รวมทั้งกรมเจ้าท่า เพื่อให้การบริหารเส้นทางคมนาคมทางบก ลอยฟ้า และทางน้ำ รวมทั้งนายกรัฐมนตรีเสนอแนะให้นำฝ่ายวิจัยและพัฒนาการจราจรของมหาวิทยาลัยเข้าร่วมศึกษาการแก้ไขปัญหาจราจร โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาวิเคราะห์เพื่อระบายรถในช่วงเวลาที่มีจราจรหนาแน่น ทั้งนี้ได้ให้กรมประชาสัมพันธ์กำหนดมาตรการประชาสัมพันธ์เชิงรุก ในทุกช่องทาง ทุกสื่อทุกเครือข่าย เพื่อเสริมสร้างและปลูกฝังวินัยจราจรอย่างจริงจังและต่อเนื่อง พร้อมให้พิจารณาในส่วนค่าตอบแทนเพิ่มสำหรับผู้ปฏิบัติงานในหน้าที่ที่มีความเสี่ยงและเหน็ดเหนื่อย พร้อมกล่าวย้ำให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเร่งนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการควบคุมการจราจร เพราะจะมีความแม่นยำกว่าการนั่งตรวจดูผ่านหน้าจอมอนิเตอร์ ซึ่งจะเป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนที่ใช้รถใช้ถนน จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินเยี่ยมชมนิทรรศการต่าง ๆ พร้อมถ่ายภาพหมู่เป็นที่ระลึกก่อนออกเดินทางไปตรวจราชการต่อไป