นายนิรันดร์ มูลธิดา อธิบดี กรมส่งเสริมสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาสหกรณ์ เปิดเผยว่า กรมเตรียมของบกลางจากรัฐบาล 1,000 ล้านบาท เพื่อสมทบเข้ากองทุนพัฒนาสหกรณ์ เสริมสภาพคล่อง ให้สหกรณ์กู้ยืมไปรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกร ในช่วงฤดูกาลที่ผลผลิตออกมาพร้อมกันจำนวนมาก ทั้ง ข้าว ผลไม้ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และสินค้าเกษตรเศรษฐกิจที่สำคัญ ช่วยเหลือเกษตรกรในการพยุงราคาและรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตรภายในประเทศได้อีกทางหนึ่งทั้งกองทุนพัฒนาสหกรณ์ (กพส.) เป็นกลไกสำคัญในการเสริมสภาพคล่องและสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์ทั่วประเทศ โดยทำหน้าที่เป็นแหล่งเงินทุนเพื่อให้สหกรณ์นำไปบริหารธุรกิจด้านการเกษตร ทั้งการรวบรวมผลผลิตจากเกษตรกร การจัดหาเครื่องมือเพื่อการแปรรูป และนำไปให้บริการสมาชิกกู้ยืมเพื่อทำอาชีพการเกษตร
ปีงบประมาณ 2569 ได้จัดสรรวงเงินไว้ 5,100 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการปกติ จำนวน 3,060 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยตามชั้นลูกหนี้ กพส. ตั้งแต่ 1.5-4 % หรือเฉลี่ย 2.05%โดยเป็นการนำเงินให้สมาชิกกู้ยืมเป็นเงินทุน การจัดหาสินค้ามาจำหน่าย รวบรวมและแปรรูปผลผลิต หรือลงทุนในทรัพย์สิน และวงเงินโครงการพิเศษ จำนวน 2,040 ล้านบาท เพื่อขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาลและหน่วยงาน อัตราดอกเบี้ยต่ำ 0-1% เช่น การให้เงินกู้ปลอดดอกเบี้ย ในโครงการสนับสนุนเงินกู้แก่สหกรณ์ที่ประสบสาธารณภัย ช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของสมาชิกในการฟื้นฟูอาชีพ
เป้าหมายของกองทุนพัฒนาสหกรณ์ คือการเป็นแหล่งเงินทุนให้สหกรณ์ไปทำธุรกิจ ที่เกี่ยวเนื่องกับการให้บริการสมาชิกสหกรณ์ทุกประเภท ทั้งการให้สินเชื่อแก่สหกรณ์เพื่อดำเนินธุรกิจต่าง ๆ รวมถึงเป็นทุนหมุนเวียนในการให้เงินกู้แก่สมาชิก การรวบรวมผลผลิต และการจัดหาสินค้ามาจำหน่าย โดยมีเป้าหมายในการส่งเสริมปริมาณธุรกิจสหกรณ์ให้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 3%การฟื้นฟูสหกรณ์ที่ขาดทุนสะสมให้มีกำไรเพิ่มขึ้น 25% และพัฒนาความเข้มแข็งของสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร ให้มีความเข้มแข็งเพิ่มขึ้นจากปีก่อน
ผลการดำเนินงานในปี 2566 – 2568 พบว่ากองทุนพัฒนาสหกรณ์ (กพส.) ได้อนุมัติเงินกู้ให้แก่สหกรณ์ปีละกว่า 1,700 แห่ง เฉลี่ยประมาณ 2.45 ล้านบาท/สหกรณ์ ส่งผลให้สหกรณ์มีปริมาณธุรกิจเพิ่มขึ้นมูลค่ากว่า 22,000 ล้านบาท/ปี ช่วยลดต้นทุนจากการกู้ยืมแหล่งเงินทุนอื่น ๆ คิดเป็นมูลค่า 207 ล้านบาท/ปี มีสมาชิกได้รับประโยชน์รวมกว่า 300,000 คน/ปี
สำหรับปี 2568 ได้กำหนดกรอบวงเงินกู้รวม 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการปกติ 3,000 ล้านบาท และโครงการพิเศษ 2,000 ล้านบาท จำนวน 18 โครงการ โดยมีผลการอนุมัติและเบิกจ่ายแล้วกว่า 97.99% ของกรอบวงเงินทั้งหมด สะท้อนถึงบทบาทเชิงรุกของกองทุนพัฒนาสหกรณ์ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากผ่านระบบสหกรณ์ไทยอย่างเป็นรูปธรรม
ในปีงบประมาณ 2569 กองทุนพัฒนาสหกรณ์ได้กำหนดกรอบวงเงินให้กู้ยืมจำนวน 5,100 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมและสานต่อการพัฒนาสหกรณ์ให้มีความเข้มแข็ง โดยมุ่งเน้นสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนแก่สหกรณ์ทุกระดับ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจและสร้างรายได้แก่สมาชิก โดยดำเนินการผ่าน 18 โครงการพิเศษ
ครอบคลุมการพัฒนาทั้งภาคเกษตรและนอกภาคเกษตร เช่น การแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของเกษตรกร และการพัฒนาในพื้นที่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ การส่งเสริมสหกรณ์ด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม พลังงานสะอาด (EV) และการตลาดสมัยใหม่ การยกระดับการผลิตสินค้าเกษตรสำคัญ เช่น โคเนื้อ กาแฟ น้ำนมดิบ เมล็ดพันธุ์ และผลไม้คุณภาพ การสนับสนุนอาชีพสมาชิกสหกรณ์ นอกภาคเกษตร การพัฒนาเครือข่ายธุรกิจ และการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสหกรณ์
ตลอดจนการช่วยเหลือสหกรณ์ที่ประสบปัญหาการดำเนินงาน ประสบสาธารณภัย หรือได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ โดยทุกโครงการกำหนดอัตราดอกเบี้ยต่ำเพียง 1% ต่อปี เพื่อเสริมสภาพคล่อง ยกระดับศักยภาพทางเศรษฐกิจของสหกรณ์ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศอย่างยั่งยืน