ผศ.กมลศิริ วงศ์หมึก คณบดี กล่าวถึงการจัดงาน “Lansilp 2025 : ลานศิลป์พร้อมปล่อยพลัง” ว่า งานลานศิลป์เป็นกิจกรรมที่คณะจัดต่อเนื่องทุกปี ก่อนจะเว้นช่วงไปในช่วงสถานการณ์โควิด-19 โดยตั้งใจออกแบบให้เป็นบรรยากาศสบาย ๆ ในลักษณะอาร์ตแอนด์คราฟต์มาร์เก็ต ที่เปิดพื้นที่ให้นักศึกษาได้ออกมาจัดแสดงผลงานและทดลองขายสินค้าเชิงสร้างสรรค์ในบรรยากาศชิล ๆ ใกล้ชิดผู้ชมและผู้ซื้อจริง
ผศ.กมลศิริ อธิบายว่า แกนหลักของงานคือการเป็น “โชว์เคสปลายเทอม” ของรายวิชาต่าง ๆ ในคณะศิลปกรรมศาสตร์ ให้นักศึกษาได้นำผลงานที่พัฒนาระหว่างภาคเรียนมาจัดแสดงและนำเสนอแก่สาธารณะ บางส่วนอยู่ในรูปแบบโชว์ผลงานศิลปะและการออกแบบ เช่น รายวิชาการวาดเส้น ที่อาจารย์จัดหุ่นนิ่งกลางงานแล้วให้นักศึกษาโชว์วาดกันสดๆในพื้นที่งาน ขณะที่อีกส่วนหนึ่งเป็นการต่อยอดเชิงพาณิชย์ผ่านการจำหน่ายสินค้า โดยรายวิชาที่มาร่วมมีทั้งรายวิชาเชิงสร้างสรรค์ เช่น วิชาทุนวัฒนธรรมทางการออกแบบ ที่ให้นักศึกษาศึกษาวิจัย (รีเสิร์ช) ประเด็นทางวัฒนธรรมแล้วพัฒนาต่อยอดเป็นสินค้า รวมถึงรายวิชาเชิงธุรกิจ เช่น วิชาผู้ประกอบการแฟชั่นเชิงสร้างสรรค์ และวิชาการจัดการสินค้าแฟชั่น ที่เน้นกระบวนการเบื้องหลังก่อนจะออกมาเป็นสินค้าและแบรนด์จริง
.jpg)
ในรายวิชากลุ่มผู้ประกอบการนั้น นักศึกษาต้องวางแผนอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่คิดคอนเซ็ปต์และอัตลักษณ์ของแบรนด์ การออกแบบว่าจะนำเสนอสินค้าอย่างไร การตั้งราคาขาย การกำหนดจำนวนการผลิต และการคำนวณต้นทุน–กำไร ทุกกระบวนการจะแสดงออกผ่านบูธและผลงานในงานลานศิลป์ พร้อมทั้งถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของการประเมินผลในรายวิชา เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าผู้เรียนเข้าใจและสามารถประยุกต์ใช้ความรู้ด้านศิลปะและธุรกิจได้จริง
คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ ยังกล่าวถึงภาพรวมของงานว่า ลานศิลป์เน้นการนำเสนอผลงานศิลปะและงานดีไซน์ ไม่ใช่งานขายอาหารหรือสินค้าทั่วไป แม้จะมีบางชิ้นเป็นสินค้าที่นักศึกษานำมาคัดเลือกและจัดวางใหม่ แต่ทุกบูธต้องผ่านการคิด มู้ดแอนด์โทนและการจัดวาง (merchandising) ให้สะท้อนตัวตนของแบรนด์และสร้างความแตกต่างจากตลาดทั่วไป งานจึงเต็มไปด้วยบรรยากาศน่ารัก ผ่อนคลาย และเต็มไปด้วยชิ้นงานดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์
.jpg)
ปีนี้มีบูธนักศึกษาร่วมออกงานหลายบูธ จาก 7 รายวิชา ประกอบด้วยนักศึกษาศิลปกรรมศาสตร์หลายชั้นปี และนักศึกษาจากคณะอื่น ๆ ที่ลงทะเบียนเรียนรายวิชาเลือกเสรีของคณะศิลปกรรมศาสตร์ด้วย ทำให้งานลานศิลป์กลายเป็นพื้นที่ที่อาจารย์และบุคลากรจากคณะอื่นเฝ้ารอทุกปี เนื่องจากมีผลงานทำมือและสินค้าชิ้นพิเศษที่โชว์ศักยภาพการออกแบบและมีเอกลักษณ์ สะท้อนเสน่ห์ของงานคราฟต์และศิลปะร่วมสมัยของนักศึกษารุ่นใหม่ได้อย่างชัดเจน
สำหรับสิ่งที่นักศึกษาจะได้รับจากการเข้าร่วมงาน ผศ.กมลศิริ ระบุว่า นอกจากจะเป็นการสร้างความมั่นใจในตัวเองแล้ว ยังเป็นการต่อยอดให้เกิด “พอร์ตโฟลิโอ” ที่จับต้องได้ นักศึกษาได้ฝึกกระบวนการเลือกสินค้า คิดงานดีไซน์ จัดบูธ นำเสนอผลงานต่อหน้าลูกค้าจริง และได้รับฟีดแบ็กโดยตรง ทั้งในแง่คำชื่นชม ข้อเสนอแนะ หรือการเปรียบเทียบกับงานของเพื่อน ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้เปรียบเสมือนการจำลองตลาดจริง ทำให้ผู้เรียนมองเห็นจุดเด่น จุดอ่อนของงานตัวเอง และสามารถนำไปพัฒนาต่อได้

ภายในรายวิชายังมีการพูดคุยและสะท้อนผลร่วมกับนักศึกษา หากยอดขายหรือผลตอบรับไม่เป็นไปตามเป้าหมาย นักศึกษาจะต้องคิดและนำเสนอกลยุทธ์ใหม่ ๆ ในโปรเจกต์ไฟนอล เช่น การปรับโปรโมชั่น วิธีการเล่าเรื่อง (storytelling) ของสินค้า หรือการนำเสนอคุณสมบัติและจุดขายของผลงานในรูปแบบที่ดึงดูดมากขึ้น พร้อมทั้งได้เรียนรู้จากตัวอย่างของเพื่อนร่วมชั้น ทำให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกันทั้งในฐานะผู้สร้างสรรค์และผู้ประกอบการ
ผศ.กมลศิริ ยังกล่าวถึงทิศทางของงานในปีถัดไปว่า แม้บรรยากาศหลักของลานศิลป์จะยังคงความสบาย ๆ น่ารัก เข้าถึงง่ายเหมือนเดิม แต่คณะมีแนวคิดจะเพิ่มกิจกรรมเชิงทดลองภายใต้แนวคิด “FA Playground” ซึ่งจะเป็นพื้นที่ให้ผู้เข้าร่วมงานได้มีส่วนร่วมกับศิลปะมากขึ้น ไม่ใช่เพียงการเดินชมและซื้อสินค้าเท่านั้น แต่อาจเป็นกิจกรรมที่ช่วยสื่อสารทางอารมณ์ ช่วยฮีลใจให้ผู้คนได้ใช้ศิลปะเป็นเครื่องมือผ่อนคลายและเชื่อมโยงกับตัวเองและสังคม

นอกจากนี้ คณะยังพิจารณาพัฒนากิจกรรม “Flea Market” หรือพื้นที่แลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างนักศึกษา เช่น การนำของมือสองหรือของสะสมที่ยังมีคุณค่า รวมถึงผลงานที่นักศึกษาสร้างสรรค์เองมาแลกเปลี่ยนหรือขายต่อ เพื่อสร้างวัฒนธรรมการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และเปิดโอกาสให้เกิดเครือข่ายการแบ่งปันในหมู่นักศึกษาอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งใจจะต่อยอดงานลานศิลป์ให้เป็นพื้นที่สร้างสรรค์ที่เติบโตไปพร้อมกับศักยภาพของผู้เรียนในทุกปี
ขณะที่นางสาวปาลิตา เสนะสกุล นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาแฟชั่นและการออกแบบ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) เปิดเผยถึงผลงานที่นำมาจัดแสดงและจำหน่ายในงานลานศิลป์ Lansilp 2025 ว่าเป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา “ผู้ประกอบการแฟชั่น” ซึ่งมุ่งให้นักเรียนพัฒนาไอเดียสินค้าแฟชั่นของตนเองตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ พร้อมทดลองขายจริงเพื่อนำไปต่อยอดเชิงธุรกิจ

นางสาวปาลิตา ระบุว่า กลุ่มของตนเลือกพัฒนาสินค้า “เชือกถัก DIY สไตล์จีน” ที่ลงมือทำด้วยตัวเองทุกขั้นตอน โดยลูกค้าสามารถเลือกสีเชือก ความยาว รูปแบบพวงกุญแจ และจี้ประกอบได้ตามต้องการ จุดเด่นของผลงานคือการนำแรงบันดาลใจจาก “เชือกถักจีน” ซึ่งแต่ละสีมีความหมายมงคล มาดัดแปลงให้ร่วมสมัยและเข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่นิยมเครื่องรางและของเสริมดวงในยุค “สายมู”
นางสาวปาลิตา กล่าวว่า การทำโปรเจกต์ครั้งนี้ช่วยเพิ่มทักษะผู้ประกอบการและ “ศักยภาพด้านการคิดเชิงธุรกิจ” อย่างชัดเจน เพราะรายวิชาสอนตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผน การเลือกวัตถุดิบ การคำนวณต้นทุน การหาซัพพลายเออร์ ไปจนถึงการนำเสนอสินค้าให้โดดเด่น นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนกลุ่มอื่น รวมถึงรับคำแนะนำจากอาจารย์เพื่อให้ผลงานเหมาะสมกับตลาดมากที่สุด

“หลังนำผลงานมาเผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะ Instagram มีเพื่อนจากคณะอื่นและผู้ติดตามภายนอกสนใจจำนวนมาก มีการสอบถามเกี่ยวกับการสั่งพรีออเดอร์และจัดส่งสินค้า ซึ่งทำให้เธอเริ่มมองเห็นโอกาสต่อยอดอย่างจริงจัง อาจเปิดบัญชีสำหรับขายสินค้าผ่าน IG หากกระแสตอบรับยังคงดีต่อเนื่อง”นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาแฟชั่นและการออกแบบ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) กล่าวทิ้งท้าย
ขณะที่นางสาวธนพร เชาวนชาติ “น้องไข่มุก” นักศึกษาชั้นปีที่3 หลักสูตรการออกแบบและธุรกิจแฟชั่น คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) กล่าวถึงการเข้าร่วมออกบูธในงานลานศิลป์ Lansilp 2025 ว่างานครั้งนี้เป็นพื้นที่ให้นักศึกษาจากหลายสาขานำสินค้าที่ทำขึ้นเองหรือคัดเลือกมาอย่างพิถีพิถันมาจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็นงานแฮนด์เมด เสื้อผ้า หรือสินค้าสร้างสรรค์รูปแบบต่าง ๆ เพื่อฝึกฝนประสบการณ์จริงด้านการเป็นผู้ประกอบการ

โดยบูธของตนนำเสนอ “เสื้อผ้ามือสองแนววินเทจ” เพื่อส่งเสริมแนวคิดลดการบริโภคแบบแฟสต์แฟชั่น และชวนให้ผู้คนหันกลับมาใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า พร้อมเล่าว่า เสื้อผ้ามือสองได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่วัยรุ่น เพราะสามารถนำไปมิกซ์แอนด์แมตช์หรือดัดแปลงเป็นสไตล์ใหม่ ๆ ได้ ทำให้การนำเสื้อผ้าเก่ามาขายต่อเป็นทั้งกิจกรรมที่สร้างสรรค์และตอบโจทย์เทรนด์แฟชั่นร่วมสมัย
ทั้งนี้อาจารย์ผู้สอนตั้งใจให้นักศึกษาได้ฝึก “ทักษะการขายจริง” ผ่านการนำสินค้าที่สร้างสรรค์ด้วยมือหรือคัดเลือกด้วยตนเองออกมาให้ลูกค้าจับต้องและตัดสินใจซื้อ เพราะเป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยเสริมความเข้าใจด้านธุรกิจ ตั้งแต่การคัดเลือกสินค้า การตั้งราคา การจัดบูธ ไปจนถึงการสื่อสารกับลูกค้า

นางสาวธนพร ยังบอกอีกว่า การเข้าร่วมงานครั้งนี้ทำให้ตนได้เรียนรู้วิธีพูดคุย แนะนำสินค้า และสื่อสารกับลูกค้าอย่างมั่นใจมากขึ้น รวมถึงได้ฝึกการเข้าสังคมและการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งล้วนเป็นทักษะสำคัญในการประกอบอาชีพในอนาคต
ด้านมุมมองต่อการต่อยอดในอนาคต น้องไข่มุก เห็นว่า ประสบการณ์จากงานลานศิลป์ช่วยวางรากฐานให้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่าหากต้องการเปิดร้านแฟชั่นหรือทำแบรนด์ของตนเอง ตนต้องมีความพร้อมด้านทักษะการขายและการสื่อสารมากขึ้น อีกทั้งยังได้แรงบันดาลใจจากเพื่อน ๆ ที่นำเสนอผลงานหลากหลายรูปแบบ ทำให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกันในบรรยากาศที่สนุกและสร้างสรรค์ พร้อมทิ้งท้ายว่า อยากให้คณะจัดกิจกรรมลักษณะนี้บ่อยขึ้น เพราะเป็นโอกาสที่นักศึกษาได้ลองทำสิ่งใหม่ ๆ และได้สัมผัสประสบการณ์ที่มีคุณค่าทั้งด้านการเรียนรู้และการพัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างรอบด้าน