นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกและคณะทำงานด้านกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ได้ออกมาบิดเบือนคดีจำนำข้าว ว่าไม่ได้เกิดความเสียหายจริง
กรณีนี้ต้องบอกว่า ข้อมูลที่นายเรืองไกรออกมากล่าวอ้างนั้นเป็นการบิดเบือนคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทั้งสิ้น เป็นกระบวนการวิธีเดินเกมทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยเพื่อทำลายอำนาจตุลาการ ทำลายความน่าเชื่อถือของคำพิพากษาศาล เพื่อหวังเพียงผลประโยชน์ทางการเมืองให้คนเข้าใจผิดว่าอำนาจตุลาการไปกลั่นแกล้งคุณยิ่งลักษณ์
ความจริงตามคำพิพากษาได้ระบุไว้ชัดถึงตัวเลขของผลการขาดทุนจากโครงการจำนำข้าวที่ทุจริตทั้งโครงการ ปิดบัญชีครั้งที่ 1 ขาดทุน 32,301 ล้านบาท ปิดบัญชีครั้งที่ 2 ขาดทุน 220,968 ล้านบาท ปิดบัญชีครั้งที่ 3 ขาดทุน 332,372 ล้านบาท รวม 585,641 ล้านบาท
นี้คือสิ่งที่คุณเรืองไกรได้พยายามบิดเบือนว่าเมื่อไม่มีความเสียหายแล้วศาลพิพากษาได้อย่างไร ทั้งๆที่ศาลได้ระบุไว้ชัด ในหน้าที่ 60 ว่าการดำเนินการโครงการรับจำนำข้าวเปลือกในแต่ละขั้นตอนการดำเนินการเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาลของคุณยิ่งลักษณ์ ก็ยังเกิดปัญหาการทุจริตในขั้นตอนต่างๆ ซึ่งมีความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและกระทบต่องบประมาณแผ่นดินเป็นจำนวนมาก ศาลจึงพิพากษาว่า คุณยิ่งลักษณ์กระทำความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
เมื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้เกิดความเสียหายต่องบประมาณแผ่นดิน เพิกเฉยละเลย ก็ต้องถือว่าเป็นการจงใจ กระทำการละเมิด เป็นเหตุให้กระทรวงการคลังเสียหาย คือเป็นเหตุให้ประเทศชาติเสียหาย กระทรวงการคลังจึงออกคำสั่ง ที่ 1351/2559 ให้ใช้ค่าสินไหมทดแทน เป็นเงิน 35,717 ล้านบาท คุณยิ่งลักษณ์ก็เห็นว่าไม่ถูกต้องก็ฟ้องศาลปกครองเพื่อให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว ก็ไปว่ากันในศาลมีสิทธิในการต่อสู้คดีหมด แต่อย่านำเหตุผลทางการเมืองมาทำลายกระบวนการยุติธรรม ทำลายอำนาจตุลาการ
ในคำพิพากษายังระบุว่าโครงการระบายข้าวถุงก็มีการคบคิดกันเพื่อกระทำการทุจริต คณะกรรมการ ปปช ก็ควรแจ้งประชาชนทราบด้วยว่าคดีไปถึงไหนแล้ว เรื่องนี้ก็น่าสนใจเพราะว่าศาลได้มีคำพิพากษาชัดเจนแล้วว่ามีการทุจริต