นายสุรินทร์ วรกิจธำรง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มอบนโยบายสำคัญให้หน่วยงานในสังกัดเดินหน้าจัดการมลพิษเชิงรุก เพื่อรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในปี 2569 โดยเฉพาะการควบคุมมลพิษจากโรงงานผลิตน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวล ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งปล่อยมลพิษสำคัญช่วงเดือนพฤศจิกายน–มีนาคมของทุกปี
อธิบดี คพ. ระบุว่า โรงงานประเภทดังกล่าวถือเป็นแหล่งกำเนิดเขม่าควันและฝุ่นละอองที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ นายสุชาติ จึงสั่งการให้สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่รับผิดชอบพื้นที่ที่มีโรงงานประเภทนี้ บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจ แนะนำ และทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการ เพื่อให้สามารถลดการปล่อยมลพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยตั้งเป้าตรวจแนะนำครอบคลุมโรงงานผลิตน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวลรวม 59 แห่งทั่วประเทศ
มาตรการสำคัญที่กำชับในการตรวจแนะนำ ได้แก่
• ควบคุมอ้อยไฟไหม้เข้าหีบไม่เกิน 15% ของปริมาณทั้งหมด
• สนับสนุนการรับซื้อใบอ้อยเป็นเชื้อเพลิงชีวมวลในสัดส่วน 10–30% ของการผลิตพลังงาน
• แนะนำด้านเทคนิคในการดูแลระบบบำบัดอากาศเสียให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
• จัดการน้ำฝนปนเปื้อนบริเวณลานกองชานอ้อยและลานกองเถ้า
• ปฏิบัติตามมาตรการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามรายงาน EIA อย่างเคร่งครัด
• ผลักดันให้โรงงานติดตั้งระบบตรวจวัดมลพิษจากปล่องแบบ Real Time หรือ CEMs
• สนับสนุนให้โรงงานทำกิจกรรม CSR เพื่อดูแลชุมชนและสิ่งแวดล้อมโดยรอบ
นายสุรินทร์กล่าวว่า ขณะนี้สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษได้ลงพื้นที่ตรวจแนะนำไปแล้วบางส่วน พบว่าโรงงานหลายแห่งมีการเตรียมความพร้อมและเข้าใจมาตรการมากขึ้น ทั้งการคัดเลือกวัตถุดิบที่ลดผลกระทบต่อมลพิษ การเปิดใช้งานระบบบำบัดอากาศเสียอย่างมีประสิทธิภาพ และการจัดทำรายงานตามมาตรการที่กำหนดใน EIA
การดำเนินการทั้งหมดจะเร่งให้แล้วเสร็จก่อนกลางเดือนธันวาคม 2568 เพื่อให้สอดรับกับช่วงเปิดหีบอ้อย ลดภาระมลพิษในฤดูหมอกควัน และสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ–โรงงาน–ชุมชนในการลดปัญหา PM2.5 อย่างยั่งยืน นายสุรินทร์กล่าว.